ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 2
ทริปนี้ไปเมื่อวันที่ 20 - 30 พ.ย. 60 เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี คราวนี้ อยากพาแม่ไปดูภูเขาไฟฟูจิสักครั้ง เพราะแม่รีเควสมา ก็เลยเกิดทริปนี้ขึ้น เข้าไปดูคลิปกันได้ที่นี่นะจ้ะ
https://youtu.be/JzmWthnGEdw
วันที่ 2 ของทริปแล้ว แพลนวันนี้คือการเดินทางไปทะเลสาบคาวางุจิ โดยเราจะค้างกัน 2 คืน มันเป็นที่สุดฮิตที่คนชอบไปเพื่อไปดูฟูจิซังกัน ค่าใช้จ่ายทั้งทริป คนละ 83,229.62 บาท ** ค่าใช้จ่ายนี้ ไม่รวม pocket money นะจ้ะ **
แบ่งเป็นรายละเอียดตามนี้
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน JAL (สุวรรณภูมิ-นาริตะ) คนละ 19,090 บาท
2. ค่าที่พัก ทั้งหมด 10 คืน
- Hotel Mystays Nishi Shinjuku 20 - 21/11/17 ( 1คืน ) คนละ 1,540.02
- Kawaguchiko Hotel 21 - 23/11/17 ( 2 คืน ) คนละ 2,135.31
- APA Hotel Keisei Ueno-Ekimae 23 - 30/11/17 ( 7คืน ) คนละ 2,113.75
3. ค่า pocket wifi ของ iwifi.jp ทั้งหมด 11 วัน ราคา 2,118.60 ตกคนละ 529.65 บาท
4. ประกันเดินทาง 4 คน รวม 2,008.00 ตกคนละ 502 บาท
5. จองรถขับใน Kawaguchiko (Toyota Rent a Car) 2 วัน รวม 6,340 บาท
6. Romance car ไป-กลับ 2,090 บาท ตกคนละ 522 บาท
7. ตั๋วเข้า Disneyland ตกคนละ 2,150 บาท
8. ตั๋ว Keisei Skyliner Ueno - Narita Terminal 2 ตกคนละ 645 บาท
9. ค่ากิน+เดินทาง+ค่าเข้าสถานที่ระหว่างทริป 11 วัน ตกคนละ 3,420 บาท / 1 วัน
การไปคาวางุจิโกะ ไปได้หลายแบบทั้งรถบัสและรถไฟ แต่แม่อยากไปรถไฟมากกว่าเพราะรู้สึกว่ามันผจญภัยดี เราเลยพาแม่ขึ้นรถไฟสาย Limited Express Azusa และไปลงสถานี JR OTSUKI
แต่ด้วยความที่ไม่รู้ เราไม่ได้ซื้อตั๋วแบบจองที่นั่งจากหน้าเค้าเตอร์มาก เราเลยต้องยืนไปทั้งหมด 1 ชม.
แต่สมาชิกทุกคนก็ดูสดชื่นกันอยู่นะ ทริปไอเลิฟก็ต้องมีพามาลำบากกันสักหน่อย
******************************************
กระเป๋าสะพายข้างพี่เก้า : กระเป๋า Hellolulu Hollis Mini All-Day Bag สี Blue
1 ชม.ผ่านไป ตอนนี้ขาเริ่มแข็งได้ที่ เราก็มาถึงสถานี Otsuki
สถานีดีไซน์เป็นแนวไม้ๆ ทำให้นึกถึงสถานีรถไฟที่อาลีซาน ไต้หวัน
ลงรถที่นี่ ก็มีห้องน้ำ มีมินิมาร์มให้ซื้อน้ำซื้อหนมได้
จากสถานี Otsuki เราจะซื้อตั๋วรถไฟสาย Fujikyu Railway for KAWAGUCHIKO นั่งไปอีก 1 ชม. ไปลงที่สถานี Kawaguchiko
โชคดีมาก วันนี้เราได้นั่งรถไฟที่เป็นลายภูเขาไฟฟูจิการ์ตูน ซึ่งมันเป็นขบวน Express
ถึงจะได้ขึ้น Express แต่วันนั้นคนเยอะมากกก ไม่มีที่นั่งเลย สุดท้ายเราก็ต้องยืนไปอีก 1 ชม.จนไปถึงสถานีคาวา
สรุปว่าเรายืนกันทั้งหมด 2 ชม. คิดง่ายๆก็เหมือนกะเรายืนจากกรุงเทพฯ ไปพัทยากันเลยทีเดียว
แต่ระหว่างทางแม่ก็ดูสนุก เพราะวันนี้ฟูจิซังโผล่มาต้อนรับพวกเรา
นี่คือวิวนอกหน้าต่างในวันนั้น ฟ้าเคลียร์มากจนเห็นยอดเขา
รถไฟก็หยุดตามสถานีต่างๆรายทาง แต่เราก็ดูวิวฟูจิซังกันไปเพลินๆตลอดทาง
บอกตรงๆว่าสำหรับเบญไม่เคยไปเที่ยวสไตล์ภูเขา เลยไม่เคยเห็นภูเขาแบบนี้มาก่อน มันใหญ่อลัง และสวยมาก
แม่รู้สึกประทับใจมาก แค่เห็นแค่นี้ก็ดีใจมากแล้วววว
ถึงสถานี Kawaguchiko ละ พอลงมาจากรถ เหล่านักท่องเที่ยวก็มาถ่ายรูปรถไฟกัน
เราว่าคนญี่ปุ่นเค้าสื่อสารทุกอย่างออกมาเป็นการ์ตูนให้จำง่าย เค้ามองฟูจิซังเป็นสีฟ้า และมีผมสีขาว วาดแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นฟูจิซัง
และมีความจริงจังมากขนาดวาดการ์ตูนลงไปบนขบวนรถไฟ
เป็นฟูจิซังหน้าต่างๆ
ดูเป็นภูเขาไฟที่มีอารมณ์ต่างๆกันไปในแต่ละวัน
จากสถานีคาวา ก็ยังเห็นวิวฟูจิซังอยู่ดี
ตรงนี้เราก็ถามความรู้สึกแม่ แม่บอกว่าประทับใจมาก เค้าออกมาต้อนรับเราถึงสถานีรถไฟกันเลย
แม่บอกสมหวังมาก อยากยืนดูให้ชื่นใจก่อน ฟูจิซังเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ความสูงถึง 3,776 ม.
ระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2250 ตรงกับสมัยเอโดะ พวกเราก็หวังว่าวันนี้เค้าจะไม่ระเบิดขึ้นมานะ เพราะน้าเล็กก็ไม่ได้มาด้วย
ขอถ่ายรูปกะรถไฟฟูจิซังก่อนไป
แพลนต่อจากนี้ เราจะไปรับรถเช่ากันที่ Toyota Rent A Car.
เราออกมาหน้าสถานีคาวางุจิโกะ แล้วเราจะเลี้ยวขวาเพื่อไปรับรถเช่ากัน
ตรงถนนด้านหน้าสถานีก็ยังเห็นฟูจิซัง
ระหว่างเดินไปรับรถ เราจะผ่านวิวดอกหญ้าตรงนี้ด้วย
ก่อนจะถึงที่เช่ารถ จะมีปั๊มน้ำมันตรงนี้ ตอนส่งคืนรถเราจะมาเติมน้ำมันที่ปั๊มนี้ก่อน
ตรงนี้คือ Office Toyota Rent a car สาขา Fujikawaguchiko เราเช่าทั้งหมด 2 วัน รวม 6,340 บาท
เว็บเช่ารถ : https://rent.toyota.co.jp/eng/
รายละเอียด shop : https://rent.toyota.co.jp/eng/shop_detail.aspx?rCode=63901&eCode=005&udFlg=2&sFlg=3
Map : https://goo.gl/maps/9RhqwkZnnkF2
นี่คือรถที่เราเช่ามา เป็นรถสไตล์ที่ใช้กันในญี่ปุ่นเยอะมาก คันเล็กกะทัดรัดประหยัดที่จอด แต่หลังคาสูง เข้าไปนั่งข้างในจะรู้สึกกว้าง
พวงมาลัยขวา พี่ฉิมบอกสบายมากกกก
เราก็ขนกระเป๋าเสื้อผ้าใส่รถ และเริ่มเที่ยวกันเลย
รถเค้าก็มี GPS ให้ แต่เราใช้โทรศัพท์เราแทน
ที่แรก เราจะพาไปถ่ายรูปที่ Momiji Tunnel หรือเรียกว่า อุโมงค์ใบเมเปิ้ล เป็นมุมถ่ายภาพยอดฮิตช่วงใบไม้เปลี่ยนสีริมทะเลสาบคาวางุจิ
เราจะมาจอดรถที่ลานจอดรถตรงนี้กันก่อน
MAP : https://goo.gl/maps/9VTdc4xwXJA2
จากลานจอดรถเราก็เลี้ยวซ้ายและเดินเลาะตามถนน ตรงถนนนั่นแหละก็ถ่ายรูปได้เลย
Map : https://goo.gl/maps/Ycp7mWmLrvK2
จะมีต้นเมเปิ้ลขึ้นเยอะมาก วันที่เราไปก็ยังมีใบไม้แดงอยู่
ที่นี่บรรยากาศสงบมาก และคนไม่ค่อยเยอะ
ตอนนี้เป็นช่วงบ่าย ก็มีคนมาเดินเล่นกันบ้างประปราย
เป็นบรรยากาศที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มันสงบ และสวยงาม
แม่ก็เดินเล่น ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แม่บอกว่าชอบที่นี่จัง
ให้ดูรูปไปเรื่อยๆละกันนะ
ให้ดูรูปไปเรื่อยๆละกันนะ
แสงกำลังสวยเลย
ถ่ายกับฟูจิซัง
หลังจากถ่ายรูปเล่นกันจนเต็มที่ เราก็พาไปที่ต่อไป
ที่นี่คือ Maple Corridor เป็นจุดที่เค้าจัดงาน autumn leave festival 1-23 พ.ย. วันที่เราไปนี่ก็เกือบจะจบงานหล่ะ
MAP ที่จอดรถ : https://goo.gl/maps/ebFtF8pmCWo
MAP : https://goo.gl/maps/2AeFMavznYT2
ที่นี่ก็มีต้นเมเปิ้ลเรียงกันเป็นแถบ และมีโคมไฟประดับตามทางเดิน
เราก็เดินไปตามทางเดินยาวๆเพื่อชมใบเมเปิ้ล
มันจะได้บรรยากาศต้นเมเปิ้ลที่ล้อมด้วยเมืองเล็กๆน่ารัก และภูเขาเตี้ยๆ
เดินไปจนสุดทาง ตรงนี้จะมีเหมือนงานเทศกาล ออกร้านขายของ และมีเตาจุดไฟให้คนมาผิงไฟกันอุ่นๆด้วย มันเป็นบรรยากาศที่เราไม่เคยมาก่อน มันก็ดูอบอุ่นดี
พอเดินมาสุดทางเราก็จะเจอกับฟูจิซัง
วันนี้โผล่มาทักทายเราตลอดวันเลยนะ
จาก Maple Corridor เราอยากไปเก็บภาพฟูจิซังช่วงทไวไลท์อีกสักหน่อย
จุดที่เราไปถ่ายคือ ริมทะเลสาบหน้า Kawaguchiko Natural Living Center
MAP : https://goo.gl/maps/z26pYGvBh4J2
เราก็จะได้ภาพอีกแนวนึง เป็นฟูจิซังกับต้นหญ้า
ตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้ว อากาศหนาวมากกกก เราถ่ายได้ไม่กี่รูปก็ต้องหยุด เพราะมือชา
ได้เวลาทานข้าวเย็นกันหล่ะ คืนนี้เราเลือกร้าน Sanrokuen หน้าร้านมีที่จอดรถนะ
MAP : https://goo.gl/maps/dUsyBcnghxA2
ร้านเป็นสไตล์ปิ้งย่างเตาถ่านแบบญี่ปุ่นโบราณ
ซึ่งภาพแบบนี้ เราเคยเห็นแค่ในการ์ตูนญี่ปุ่นเท่านั้น
ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาลองชิมอาหารในบรรยากาศแบบนี้เลยยยย
อันนี้เป็นชื่อร้าน
หนาวมาก เข้ามาในร้านปุ๊บ พี่เก้าก็ยื่นขาหน้ามาผิงไฟ
อันนี้คือเมนู เค้าจะให้เราสั่ง 1 set ต่อ 1 คนนะ เราก็เลือกมากันคนละเซ็ทให้ไม่ซ้ำกัน จะได้ลองกันหลายๆแบบ
เวลามาเสิร์ฟก็จะมาแบบนี้เลย เสียบไม้มาให้เสร็จสรรพ
เราก็เอาไม้มาขัดกับตะแกรงแล้วย่างแบบนี้
แต่ที่นี่จะมีทริคนิดหน่อย คือ พอย่างได้สักพัก ก็เอามาจุ่มกับซ้อสในโถ แล้วเอาไปย่างต่อ ทำแบบนี้ไป 3-4 รอบให้ซ้อสซึมเข้าเนื้อ
แต่บางเมนูไม่ต้องเอาไปจุ่มก็ทานได้เลย อย่างพวกของทะเล เราชอบกุ้งย่างมาก อันนี้เค้าชุบเกลือมาให้ พอย่างจนสุกทานเนี่ย มันได้ความเค็มๆมันๆ เนื้อกุ้งหวานๆ มันอร่อยมากเลย
อันนี้คือ โฮโต เป็นอาหารท้องถิ่นของ จังหวัดยามานาชิ คล้ายอุด้ง แต่ในคลิปเราไม่ได้ถ่ายไว้ ใช้เส้นกลมๆแบนๆ วิธีปรุงคือ เอาเส้นไปต้มในซุปมิโซะเลย โดยไม่ลวกน้ำร้อนก่อน สำหรับเราเฉยๆกะเมนูนี้นะ
ตอนนี้ทุกคนดูสนุกกับการย่างไปทานไปมาก
แม่บอกสนุกดี เหมือนได้ทำกับข้าวเลย แม่ดูคล่องแคล่วมากเพราะแม่ชอบทำกับข้าวอยู่แล้ว
ทุกอย่างถูกเอามาย่าง แต่มีอยู่อย่างนึงที่เราไม่ทานคือหอยเชลยักษ์ เห็นตัวมันใหญ่มากเลยไม่กล้าทาน
แต่แม่ก็ย่างให้ และลองให้ชิมดู ปรากฏว่ามันอร่อยมากเลย หอยมันสดมากจริงๆ เค้าใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมาก
สุดท้าย พวกเราเลยย่างกันใหญ่เลย ร้านนี้ถือว่าประทับใจมาก ได้ทำกิจกรรมย่างและได้กินของอร่อย
แต่ถ้าใครชอบสไตล์มาเสิร์ฟแล้วทานเลย อาจจะไม่ชอบเท่าไหร่
คืนนี้หมดแรงแล้ว เข้าไปเช็คอินโรงแรมกันดีกว่า เราพักกันที่โรงแรม Kawaguchiko Hotel
MAP : https://goo.gl/maps/KYPH3Fyc2oJ2
โรงแรมนี้อยู่ติดทะเลสาบ แต่จะไม่ได้วิวฟูจิซังนะ เค้าจะมีลานจอดรถให้ด้านหน้าโรงแรมเลย ก็สะดวกดี
เราพักห้องสไตล์เรียวกัง ตกคนละ 2,135.31 ต่อคืน เป็นการนอนบนฟูก
ห้องถือว่าใหญ่มากกกกก ในความรู้สึกเรา มาพักญี่ปุ่นไม่เคยได้ห้องใหญ่ขนาดนี้
เค้าจะมีที่นั่งเล่น มีทีวี มีฮีตเตอร์ครบตามสไตล์โรงแรมเลย
ส่วนวิวห้อง ก็จะหันหน้าเข้าทะเลสาบ เดี๋ยวไว้ดู Day ถัดไปจะถ่ายรูปวิวมาให้ดู
เค้าไม่ให้วางกระเป๋าเดินทางบนเสื่อตาตามิ และเข้าห้องทุกครั้งต้องถอดรองเท้าไว้หน้าห้องด้วย เราเลยกองของทุกสรรพสิ่งไว้ตรนหน้าห้องนอนนี่แหละ
ที่โรงแรมนี้มีออนเซ็นให้แช่ด้วยนะ เค้าก็มีชุดยูกาตะให้เราไว้ใส่ด้วย
ลากันด้วยภาพห้องน้ำอีกแล้ว สำหรับ Day 2 ก็มีเท่านี้ ไว้ติดตามกันต่อ Day 3 นะจ้ะ คราวนี้จะพาไปเที่ยวกันเต็มๆวันละ