เที่ยวโตเกียว หน้าหนาว วันที่ 3
ทริปนี้ไปโตเกียวตอน 13 - 21 ธ.ค. 59 เข้าสู่การเที่ยวโตเกียววันที่ 3 อากาศยังคงหนาววววเหมือนเดิม แพลนวันนี้เช้าจะพาไปเที่ยวสนูปปี้มิวเซียม พอช่วงบ่ายก็ไปย่านฮิปสะเตอร์ ชิโมคิตะซาวะ ไปดูทริปแบบเต็มๆ แบบภาพเคลื่อนไหวได้ที่นี่นะจ้ะ
https://www.youtube.com/watch?v=dyLS4VUx2iU
เที่ยวโตเกียววันที่ 3 แล้วจ้า
เช้านี้ เราไปเที่ยวกันแบบน่ารักๆที่ Snoopy Museum ตัวตึกมีแต่งโบว์และถุงเท้า เพราะมันเป็นช่วงต้อนรับคริสมาสต์พอดี๊
พิกัด : 35.659576, 139.734406
เค้าเพิ่งเปิดเมื่อ เม.ย. ปี 2016 อยู่ที่รปปงหงิ
เป็นมิวเซียมที่รวมคาแรคเตอร์สนูปปี้ และตัวการ์ตูนในเรื่องพีนัตส์
ทำไมพอเห็นหน้าสนูปปี้แล้วมันรู้สึกสบายใจ
รู้สึกว่าหน้าตามันดูอารมณ์ดีอ่ะ
บางทีก็มีโหมดกวนๆด้วย ดูไม่เบื่อเลย
ชอบธีมช่วงคริสมาสต์จัง มีถุงเท้าห้อย
ซื่อบัตรเสร็จแล้วเข้ามาในโซนอาคารกันบ้าง เห็นภาพสนูปปี้กะชาร์ลี บราวน์บนกำแพงมะ
ตรงเนี้ยพอเข้าไปดูใกล้ๆ จะมาจากการ์ตูน 4 ช่องมากเรียงๆกัน ได้เป็นภาพใหญ่เมื่อกี้นี้ไง
ห้องแรก จะเป็นห้องที่เค้าให้เราถ่ายรูปได้ และบอกเล่าเรื่องราวของคนเขียนการ์ตูนพีนัตส์
เขาคือ มิสเตอร์ ชาร์ล เอ็ม ชูลซ์ และแบบวาดดั้งเดิมของสนูปปี้ เค้าก็เลียนแบบจาก สไปก์ ซึ่งเป็นหมาตอนที่ชูลซ์เลี้ยงไว้สมัยเด็ก
นี่เป็นรูปเก่าๆ ของชูลซ์ ซึ่งเราเข้าใจว่าหมาในรูปก็คือเจ้าสไปก์ ต้นแบบของสนูปปี้น่ะเอง
ชูลซ์ ได้แรงบันดาลมาจากสิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัวเค้าจริงๆ
นิสัยของสนูปปี้เป็นหมาช่างฝัน ชอบนอนอาบแดดบนหลังคาบ้านตัวเอง ชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนักบินรบ
พิพิธภัณฑ์สนูปปี้ โตเกียว เป็นพิพิธภัณฑ์สนูปปี้แห่งแรกของโลก
มีต้นแบบมาจาก Charles M. Schulz Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของผู้เขียนสนูปปี้ที่แคลิฟอเนีย
ดังนั้นบรรยากาศโดยรวมก็จะคล้ายๆกัน
แต่เราเก็บภาพส่วนแสดงมาได้แค่ตรงนี้ ยังมีข้างในอีกเยอะแยะเลย และคิดว่า คนชอบสนูปปี้ ไม่ควรพลาดดดด
พอดูส่วนแสดงจบปุ๊บ ก็จะเจอร้านขายของที่ระลึก
ซึ่งทุกอย่างในนี้มันดูน่ารักไปหมด
เล่นเอาเงินในกระเป๋าของเรามันสั่นระริก
จิตวิญญาณแห่งการเปย์มันมาเต็ม แต่สุดท้ายก็ซื้อไปประมาณนึงอะนะ ต้องมีสติ ท่องไว้ ต้อง-มี-สติ
เราจะทานอาหารกลางวันกันที่นี่เลย สนูปปี้มิวเซียมมีร้านอาหารชื่อว่า Cafe Blanket
คิวยาวไม่ธรรมดานะจ้ะ เราก็นั่งรอต่อคิวไป แต่รอไม่นานแป๊บเดียวก็ได้เข้าร้านหล่ะ
เมนูแรก เป็นของพี่ฉิม มันคือค็อกเทลที่มีเฉพาะช่วงคริสมาสต์เท่านั้น หน้าตาดีมากกกเสิร์ฟมาพร้อมคุกกี้
แต่สิ่งที่เราชอบใจมาก คือเจ้าคุกกี้นี้แหละ ทำได้น่ารักมากกกกกก อยากเก็บเอาไว้ ไม่อยากกินเลย แต่สุดท้าย.. ก็ฟาดเรียบ
อาหารมาเสิร์ฟแล้ว แต่ที่ผงะหนิดหน่อยคือ
เค้าเสิร์ฟในชามอาหารหมามา ดูเกร๋ๆเข้าธีมสนูปปี้ คือไม่คิดไม่ฝันว่า จะได้มีโอกาสทานอาหารในชามสไตล์แบบนี้อะขร่ะ
อาหารเค้าจะให้เลือกเป็นเซ็ท ซึ่งอร่อยหมด เราชอบทุกเมนูเลย อันนี้เป็นแซนวิสมีชีส
สำหรับเบญชอบเมนูนี้สุด เป็นแซนวิสกุ้งที่พี่ฉิมสั่ง ซึ่งพี่ฉิมก็ต้องโดนแย่งไง
แต่อันนี้ก็อร่อย เป็นสไตล์ครัวซองแซนวิช ขนมปังนู่มมมมม
ส่วนอันนี้สุดยอดมาก เป็นขนมที่ทำมาหน้าตาเหมือนพิซซ่า ทานคู่กะไอติม อร่อยอ่ะอันนี้
สรุปว่าคาเฟ่ แบลงเค็ท ไม่ใช่น่ารักแต่ดีไซน์อย่างเดียว อาหารก็อร่อยด้วยนะ
ทานเสร็จก็ออกมาถ่ายรูปเล่นกันข้างนอกซะหน่อย
บอกให้ช่วยโพสท่าให้สวยงาม แต่ดูภาพที่ได้สิ ...
แม่บอกว่าชอบสนูปปี้มิวเซียมนะ มันน่ารักมากเลยยย
เรียกว่า คนที่รักในสนูปปี้ และการ์ตูนพีนัทต้องชอบที่นี่มาก เดินอย่างเดียวไม่พอ ยังได้เปย์สินค้าสนูปปี้กลับไปด้วย
ถ่ายภาพหมู่กันหน่อย เอาหล่ะ ได้เวลาเดินทางไปที่ต่อไปละ
ที่นี่คือ ชิโมคิตะ ซาวะ ที่อ่านในหนังสือมาเค้าเรียกมันว่า ย่านฮิปสเตอร์
พิกัด : 35.661559, 139.667100
แต่เรายังไม่ได้ทานการแฟช่วงบ่ายเลย ขอนั่งพักเติมพลังสักครู่ เลยแวะมาที่ร้าน Cafe Sejour อยู่แถวๆนั้นแหละ
จากสถานี Shimokitazawa ออก North Exit เดินไปนิดนึงก็เจอ
ร้าน Cafe Sejour
พิกัด : 35.662066,139.667491
พี่ฉิมและแม่ ผู้มีความอึด แบบน่าจะลงแข่งไตรกีฬาได้สบาย
พี่เก้าผู้รักการรับประทาน เอ๊ะ ไม่เห็นจะเกี่ยวไร
พักเติมพลังเรียบร้อย พร้อมลุยถ่ายคลิปต่อหล่ะ แม้หน้าพี่ฉิมอาจจะยังง่วงอยู่ แต่นี่แหละพร้อมสุดๆ
เดินผ่านร้านที่ 1 พี่เก้าเริ่มดี๊ด๊า เห้ยเสื้อสวย ผ้าพันคอได้ กระโปรงแจ่ม
ผ่านร้านที่ 2 ปุ๊บ แม่ขอแวะเพราะเจอร้านขายผ้าญี่ปุ่น
ร้านขายผ้า
พิกัด : 35.662312,139.66757
แม่จะชอบซื้อผ้ามากๆ ยิ่งผ้าลายดอกๆนี่กรี๊ดสลบ แม่เลยได้เปย์ก่อนเพื่อนเลย
ยึกๆยักๆอยู่พอสมควร กว่าจะได้เดินเที่ยว แหม ก็อยากแวะช้อปบ้างไรบ้างเนอะ
เดินดูตามถนน ก็จะมีร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแฟชั่นเป็นร้านๆ
ร้านส่วนใหญ่แต่งสวยๆ และเป็นร้านเล็กๆ น่ารักๆ
มีร้านทั้ง 2 ฟากถนนเลย
สไตล์ร้านก็จะแตกต่างออกไปตามความติสต์ของเจ้าของร้านอะนะ
มีทั้งพวกร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านขายเสื้อผ้า เดินกันได้เรื่อยๆ
ราคาของมันก็หลากหลายนะ บางร้านก็ถูกบางร้านก็แพง
แต่เรารู้สึกว่า มันเป็นย่านที่น่าเดิน เดินได้ไม่เบื่อ ถนนหนทางสะอาดมากกกก ไม่เจอขยะสักชิ้น
ร้านขายเสื้อผ้ามือสองก็มีนะ
ร้านนี้เราก็แวะเข้าไป ชื่อว่า Toyo Department เป็นที่ๆรวมร้านค้าเล็กๆเอาไว้ ขายของ handmade ของจุกจิกน่ารักๆ เป็นร้านค้าที่มีสไตล์เฉพาะตัวตามความชอบของพ่อค้าแม่ค้า
ร้าน TOYO
พิกัด : 35.662066,139.667491
ย่านนี้ส่วนใหญ่เปิดร้านกัน 11 โมง ช่วงพีคคือบ่าย 3 - 6โมงเย็น
ใครจะวางแผนมาเที่ยวก็มาบ่ายๆไปเลยดีกว่า ร้านรวงจะได้ครึกครื้น
บรรยากาศตอนนี้ มันค่อยๆมืดลงเรื่อยๆ
ในคลิป เราก็มาแวะซื้อผ้าพันคอกันที่ร้านนี้ แม่ก็ซื้อเสื้อไปฝากพ่อตัวนึงด้วย ร้านนี้โอเคเลยนะ ราคาไม่แพง และของก็ดูดี
ร้าน WEGO
พิกัด : 35.663012, 139.666635
เราก็เดินวนไป ดูบรรยากาศช่วงทไวไลท์
อากาศก็เย็นๆ มันได้ฟีลสบายๆ
ถามว่าช้อปย่านนี้ได้ไหม เราว่าได้นะ เพราะอย่างที่บอก บางร้านถูก บางร้านแพง แล้วแต่เลือก
สไตล์แต่ละร้านก็แตกต่างกันออกไป
แต่เรารู้สึกว่า มันไม่ค่อยจะฮิปสเตอร์นะ แต่ถามว่าหนุกไหมที่นี่ ก็ถือว่าโอเค เดินสบาย ช้อปได้
แต่พี่ฉิมอาจจะเบื่อสักหน่อย เพราะไม่ใช่สายแฟชั่นเดินแบบ
หลังจากเดินเสร็จ เราก็ต้องการเติมอาหารในท้อง ก็ไปเจอร้านโซบะร้านนี้
ร้านซะกะนะซามะ (ร้านโซบะ)
พิกัด : 35.687207,139.696681
ต้องเดินลงไปใต้ดินนะ แค่เห็นภาพเมนูเราก็หิวจนตาลาย
เป็นร้านที่แต่งแบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น คนที่นั่งทานข้างๆมีแต่ซาลารี่มังที่เพิ่งเลิกงาน มากินกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
อาหารถือว่าดีงามนะ อันนี้เป็นไก่คาราเกะทอดเกลือ หิวๆมาเนี่ย ซัดเรียบหมด
อันนี้เป็ยไข่หวานย่าง ซึ่งฟีลมันเหมือนไข่เจียวที่แม่ทำมากๆๆๆๆๆ
ส่วนเส้นโซบะนี่ อร่อยเหนียวนุ่ม ถือว่าฟินละกับมื้อนี้
อิ่มแล้ว รวบรวมพลังที่เหลือทั้งหมด กลับที่พัก ไว้มาเจอกันต่อใน Day 4 นะจ้ะ กู๊ดไนท์