ถ่ายพอร์ทเทรต สไตล์ Vintage
กระแสภาพสไตล์ Vintage ยังคงแรงดีไม่มีตก ภาพสีสไตล์นี้ถูกใช้ในหลายๆสื่อ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารญี่ปุ่น (ViVi) หรือ ฟิลเตอร์ใน instagram ก็จะมีสไตล์ Vintage ให้เลือกหลากหลายสี
เราเห็นหลายคนถ่ายภาพมา แล้วอยากจะปรับสีให้ดูเป็น Vintage
เราก็เลยจะมาสอนถ่ายภาพ Portrait ในสไตล์ Vintage กันค่ะ
ก่อนอื่น Vintage คืออะไร?
มันคือกระแสแฟชั่นย้อนยุค รวมไปถึงทุกแขนงของการดีไซน์เลยหละ เป็นของที่ดูสไตล์เก่าๆ ให้นึกถึงสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาว นั่นแหละ Vintage
บางคนเข้าใจว่า ภาพสไตล์ Vintage คือการแต่งสีภาพให้ดูเก่าๆด้วย Photoshop ก็เป็นอันว่า Vintage แล้ว แต่ความจริง โทนสีของภาพที่ได้จาก Photoshop มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในองค์ประกอบของความเป็น Vintage เท่านั้น Vintage ยังมีองค์ประกอบอย่างอื่นอีกด้วยนะจ๊ะ
อะไรบ้างที่จะทำให้ภาพเราดู Vintage
1. สถานที่และของประกอบฉาก จะต้องหา location ที่ดู Vintage มีของประกอบในภาพที่ดู Vintage
งานนี้เราก็เลยเลือกสถานที่ที่ Chic Republic ที่อยู่ตรงถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ก่อนถึง CDC เพราะของในนี้ Vintage ทั้งตึก!
ของที่จะทำให้ภาพเรา Vintage ก็อย่างเช่น โต๊ะอาหาร, แจกันดอกไม้,
ลาย Wallpaper, เก้าอี้, ผ้าม่าน, โซฟา และอื่นๆ อีกหลายอย่าง (ลองไปดูที่ Chic Republic แล้วจะเห็นไอเดียความเป็น Vintage)
2. เสื้อผ้า หน้า ผม ของนางแบบ ก็ต้องดูเป็น Vintage ด้วย
เราก็เลยให้นางแบบของเรา เตรียมเสื้อผ้าลายลูกไม้ๆ ทำผมดูเก่าๆ
3. Photoshop สำหรับปรับโทนภาพให้ดู Vintage
ถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย
เมื่อทำครบทั้ง 3 ขั้นตอน สรุปว่าภาพเราจะจบหลังคอมนะจ๊ะ
อุปกรณ์ที่เราจะใช้
เลนส์ Normal หรือ Tele เพราะอะไร?
เพราะเราไม่ได้อยากเก็บอะไรกว้างๆ เก็บทุกอย่างเข้าไปอยู่ในเฟรมเยอะแยะ
อย่าลืมว่าของตกแต่งสไตล์ Vintage มันก็ลายเยอะอยู่แล้ว แล้วบางทีมันก็วางเอาไว้เยอะด้วย ดังนั้น เราจึงเลือกใช้ Effect ของเลนส์ช่วง Normal ถึง Tele เพื่อจะได้เก็บเฉพาะของตกแต่งที่เราอยากเก็บจริงๆ
และภาพ Vintage ส่วนใหญ่ที่เราเห็นมา จะถูกถ่ายด้วยเลนส์ Normal กับ Tele ด้วยหละ
(แต่ก็แอบอยากรู้ว่า ถ้าเอาเลนส์ wide เก็บภาพ Vintage จะเห็นอะไร กฎมีไว้แหกใช่ปะ อิอิ)
แฟลช
เอาไว้ทำอะไร?
ไม่ได้เอามาเป็นแสงหลัก แต่เอาไว้ฟิลแสง ลบเงา เพราะใน location แบบนี้ มีโอกาสเกิดเงาได้มากมาย บางทีไปใกล้หน้าต่าง เจอแสงแรงๆ บางทีอยู่ใต้ไฟ ก็ต้องมีแฟลชเอาไว้แก้ปัญหาเหล่านั้น
เราจะปรับกล้องไปที่โหมด M เพราะจะได้ทำงานร่วมกับแฟลชได้ง่าย
สูตรโหมด M ก็เหมือนเดิม
งานนี้เราต้องการดีไซน์ภาพด้วยรูรับแสง เราของเอารูรับแสงเป็นตัวตั้ง
เราต้องการที่ F4 เพราะจะได้เกิดความชัดลึกระดับนึง เราอยากเก็บสิ่งประกอบฉากที่เป็น Vintage สวยๆแบบนี้ จะละลายมันหมดไปทำไมล่ะ จริงปะ
ISO ก็เริ่มตั้งต้นไว้ที่ 100
set speed shutter ที่เราถือได้ (ดูจากทางยาวโฟกัส ถ้าถือเลนส์ 50mm ก็ปรับไปที่ 1/50)
เรียก scale วัดแสงขึ้นมาดู (แตะชัตเตอร์ครึ่งนึง หรือกดปุ่มรูปดาวก็ได้)
ถ้ามืดไปก็ดัน ISO ขึ้น
* ถ้าใครมาถ่ายในสถานที่ขาวๆแบบนี้ ก็ต้องเผื่อให้สเกลวัดแสงชดเชยไปทางบวกซัก 1 stop นะ
** สำหรับมือใหม่ อยากให้วัดแสงด้วยการเปิด Live View จะได้เห็นความสว่างจริงๆไปเลย ไม่ต้องมาเดาว่าจะชดแสงบวกกี่ stop
*** อย่าลืมถ่ายเป็น RAW นะจ๊ะ เพราะเราจะได้สามารถไปปรับดึงโน่นนี่นั่นได้เต็มที่
เริ่มต้นเลือก location
เราก็หา location ที่มี wallpaper แบบลายดอกๆ ดู Vintage เวลาถ่ายก็ให้ติดหัวเตียง ติด wallpaper มาด้วย
สีสันของ wallpaper ก็มีผลต่อฟิลลิ่งของภาพมากเหมือนกัน ต้องดูสี wallpaper ให้ matching กับสีเสื้อผ้าของนางแบบด้วย
การหา prop ที่น่าสนใจ ก็สร้างเรื่องราวให้ภาพได้ดีเหมือนกัน เช่น หาหนังสือที่ดู Vintage ให้อ่าน ก็จะทำให้ภาพดูมีเรื่องราวมากขึ้น
มุมโต๊ะเครื่องแป้งนี่ถือว่าขาดไม่ได้สำหรับภาพสไตล์ Vintage เลยหละ แถมเรายังเล่นเงาสะท้อนจากกระจกได้อีกด้วย
มุมโต๊ะอาหาร, ตู้เก็บถ้วยชาม อันนี้ก็ขาดไม่ได้สำหรับภาพสไตล์ Vintage
หลังจากได้ภาพแล้ว เราก็ต้องมาปรับโทนให้ดู Vintage ใน Photoshop กันหน่อย
เริ่มจากการเป็น Adobe Bridge ขึ้นมา แล้วเลือกภาพที่ต้องการปรับสี
โปรแกรมจะเปิด Adobe Camera RAW ขึ้นมา
เราก็เริ่มจากการไปปรับ Lens Corrections แล้วเลือก Enable Lens Profile Corrections
จากนั้นก็กลับมาที่ Tab Basic แล้วดูว่าภาพเราขาดอะไร
อย่างภาพนี้ เรารู้สึกว่าหน้าของนางแบบมืดไปหน่อย เราก็เลยดึงให้สว่างขึ้นด้วยการเพิ่ม Exposure เข้าไป +0.5
** ถ้าภาพเรา White balance ที่นางแบบยังไม่ถูกต้อง เราต้องปรับ White blalance ให้ถูกต้องก่อนนะจ๊ะ
แต่เราดูแล้ว ภาพสว่างๆแบบนี้น่าจะมีจุดที่เป็น Highlight เราก็เลยมาเลือก Highlight clipping warning
จะเห็นส่วนที่เป็นสีแดงๆ ก็หมายถึงมันคือส่วนที่เป็น Highlight (ซึ่งคือส่วนที่ไม่มี detail หรือ data อยู่)
เราแก้ไขได้ด้วยการดึง Highlights กลับลงมา
ภาพสไตล์ Vintage จะดูซีดๆ สว่างๆ
เราเลยมาเลือกดึงส่วนของ Shadows ขึ้นไปเพื่อให้ภาพดูสีจางๆ สว่างๆ
จากนั้นก็กด OK ไปเลย ภาพก็จะถูกเปิดด้วย Photoshop ซึ่งเราจะไปปรับโทนภาพต่อที่นั่น
เราจะใช้ Curves ปรับโทน Vintage กัน ก็เลือก Create new fill or adjustment layer
แล้วเลือก Curves
ปกติเราจะปรับที่ RGB ใช่มะ คราวนี้เราจะปรับแต่ละสี โดยจะปรับไม่เหมือนกัน
เริ่มจากสีแดงก่อน
สีแดงปรับ Curves หน้าตาแบบนี้
ต่อด้วยสีเขียว
ปรับ Curves หน้่าตาแบบนี้
สีน้ำเงิน
ก็ปรับ Curves สีฟ้าแบบนี้
มาถึงตรงนี้ เราลองดูว่าภาพเราขาดสีอะไร หรือสีอะไรเกินไป เราก็ย้อนกลับไปปรับ Curves สีต่างๆได้ตามต้องการ
หลังจากนั้น ถ้าภาพเรายังดูมีสีสันฉูดฉาดมากเกินกว่าสไตล์ Vintage ซึ่งต้องดูซีดๆ เราก็มาปรับ Saturation ได้ โดยคลิกที่ Create new fill or adjustment layer
เลือก Hue/Saturation
ปรับลด Saturation เพื่อให้ภาพดูสีจืดๆลงได้ตามต้องการ
ได้ภาพออกมา จากเดิม Original ได้ภาพนี้
พอปรับโทน Vintage แล้วได้ภาพโทนสีแบบนี้
จริงๆแล้ว การถ่ายภาพ Vintage ก็ไม่ได้ยากอะไร คือการจัดองค์ประกอบก็เหมือนๆการถ่ายภาพ Portrait แบบปกติแหละ
เพียงแต่เราต้องหา Location และการแต่งตัวของนางแบบให้เป็นแนว Vintage ถ้าเราจัดเตรียมทั้ง 2 อย่างนี้ได้แล้วนะ ที่เหลือก็ capture moment ดีๆ แล้วค่อยมาแต่งโทนใน Photoshop กันค่ะ
ภาพด้านล่างนี้ก็เป็นภาพที่เราถ่ายกันที่ Chic Republic นะคะ ดูเป็นไอเดียสนุกๆค่ะ
หา prop พวกหนังสือเนี่ย ก็ช่วยให้ภาพดูมีเรื่องราวดีนะ
โต๊ะ, ดอกไม้, ตู้, หนังสือ, ผ้าม่าน ข่วยเสริมภาพ Vintage ของเราให้ดู Vintage มากขึ้น
ภาพโปสเตอร์ก็ดู Vintage ดี
แก้วกาแฟ
wallpaper และมุมข้างหน้าต่าง
วัดแสงให้พอดีที่หน้านางแบบ ปล่อยแสงจ้าๆ ล้นๆ เข้ามา
โซฟาและตู้หนังสือ
ถ่ายหลายๆมุม นอกจากครึ่งตัว เต็มตัว แล้วก็มี close up บ้าง
ตู้หนังสือ
โซฟาและ background เป็นตู้หนังสือ
ที่ chic republic เค้าห้ามถ่ายรูป แต่เราก็เย้ยป้ายห้ามถ่ายรูปซะหน่อย อิอิ (จริงๆเราขอถ่ายรูปกับทางสถานที่เรียบร้อยแล้วค่ะ)
แสงจากหน้าต่าง หรือประตู ทำให้ภาพดู Vintage ขึ้นได้อีกนะ
ประตูบานสูงๆ กับโคมไฟที่ดูโบราณๆ
ประตูสีเขียวๆแบบนี้ ได้ความเป็น Vintage อย่างมาก
น้าๆ เลนส์น้าอะ เข้ามาในเฟรมแล้ว...
เล่นกับ wallpaper ลายดอกๆ
ถ่ายมาเยอะๆ capture moment หลายๆแบบ แล้วมาเลือกว่า moment ไหนสวยที่สุด เพราะถึงจะมุมเดียวกัน แต่ acting ของนางแบบแต่ละ shot ก็ไม่เหมือนกันเลย
เตียงและม่าน
อันนี้เล่นกับ wallpaper สีขาวลายดอก
acting กับหน้าต่าง
การที่ให้นางแบบได้มีการ action เข้ากับสิ่งประกอบฉาก ก็ทำให้ได้เรื่องราวของภาพมากขึ้น
ผนังที่เป็นอิฐ (แต่ส่วนตัวคิดว่าดู Vintage สู้ผนังที่เป็น wallpaper ลายดอกไม่ได้)
wallpaper ลายดอกแบบนี้สิ Vintage มาก
Close up
โซฟาบุนวม
หนังสือนี่ช่วยได้ทุกงาน
โต๊ะเครื่องแป้ง อันนี้ขาดไม่ได้เลย แถมเล่นเงาสะท้อนได้อีก (ระวังตัวเรา หรือเพื่อนเรา เข้าไปสะท้อนในกระจกนะจ๊ะ)
ห้องครัว นี่ก็ขาดไม่ได้
ผ้าม่าน
เตียงนอน และดอกไม้
พยามเก็บหัวเตียง และโคมไฟหัวเตียง จะทำให้ภาพดู Vintage มากขึ้น
โซฟา และกรอบรูป
บางทีต้องระวังเรื่อง Whitebalance ดีๆ เพราะในบางสถานที่เค้าเปิดไฟเหลืองๆ (tungsten) แล้วหน้าอีกซีก หรือผมบางส่วน โดนแสงอาทิตย์เข้าไปด้วย ถ้าเราปรับ Whitebalance สีผิวซีกที่โดนแสง tungsten เหลืองๆ ให้กลับมาถูกต้อง บางทีผมของแบบเราก็กลายเป็นสีฟ้าๆ อันนี้ต้องระวังเรื่องแสงที่มาจากหลายแหล่งดีๆ หรือไม่ก็ยิงแฟลชกลบแสงเหลืองๆก็ช่วยได้เหมือนกัน
จริงๆ โทนสี Vintage มันมีได้หลายโทนเหมือนกันนะ ไม่จำเป็นต้องออกเขียวๆอย่างเดียว สีออกน้ำตาลอ่อนๆแบบนี้ก็ได้ (ลองดู MV เกาหลีดูสิ จะได้ Vintage มาหลายโทนเลยหละ)
นั่งบนเตียง ก็หาหมอนมากอดบ้าง สร้างเรื่องราวให้ภาพได้
ลองถ่ายแนวตั้งให้ติดโคมไฟสไตล์ Vintage ดูบ้าง
ลาย wallpaper ยิบๆเลยนะ
โซฟาและกรอบรูปนี่แยกกันไม่ได้เลย
ตู้ใส่กับข้าวนี่ก็เป็น Vintage ที่ดี แถมได้โทนสีออกฟ้าๆ ด้วย
โซฟาบุนวมแบบนี้ดู Vintage แบบหรูๆ
ถ้าเจอแสงจากหน้าต่าง อย่าได้พลาด
วัดแสงที่หน้า ปล่อยแสงจากหน้าต่างล้นๆเข้ามา
พยามมองหาพื้นผิดอื่นๆด้วย
ลองละลายหลังบ้างไรบ้าง (แต่ส่วนตัวคิดว่า ถ้าละลายมากไปจะไม่ค่อยสวยสำหรับภาพแนว Vintage)
ถ่ายให้ติดม่าย ติดตู้หนังสือ รับแสงจากหน้าต่าง วัดแสงพอดีที่หน้านางแบบ
มีถ้วยกาแฟ ก็สร้างเรื่องราวให้รินกาแฟ
ถ้าใส่กาแฟจริงได้ อยากใส่กาแฟจริงๆเข้าไปมากเลย อยากได้ไอน้ำร้อนๆของกาแฟด้วย
ไอเดียกระฉูด
ภาพนี้เห็นห้องแบบ Vintage แบบนี้ น้าเล็กเลยให้มามุหมุนๆๆๆๆๆๆ แล้วถ่ายไปเรื่อยๆ หา shot ที่ดีที่สุด
ผ้าม่านช่วยเสริมเรื่องราวให้ภาพได้ ให้นางแบบจับผ้าม่านบ้าง นิดๆหน่อยๆ
ภาพแนวสมดุลก็ดูมีเสนห์ไม่น้อย
ถ้าเจอกั้นกรอบ ก็เก็บเข้ามาด้วย
องค์ประกอบพื้นฐาน ถ้าใช้ได้ถูกที่ถูกเวลา ยังไงก็สวยงามเสมอ
น้าเล็กไอเดียกระฉูดอีกครั้ง
อยากสร้างระยะหน้า เลยหาอะไรมาบังแล้วละลายมันซะ
บางทีแอบเก็บ Candid มาบ้างก็ดูมีเสนห์ไปอีกแบบ
acting และ feeling ของนางแบบแต่ละ shot ไม่เหมือนกันเลย ว่ามะ
จากที่เกรินไว้ตอนแรก ถ้าใช้เลนส์ wide 10-22 เก็บภาพสไตล์ Vintage จะเป็นยังไง ก็ได้ประมาณนี้
กลับมาเป็น Tele ถ่ายที่ 200mm
ระวัง Close up มากไป จะทำให้ความเป็น Vintage ละลายหายไปนะจ๊ะ
บาง Feeling ของนางแบบ เรารู้สึกว่าเค้าดูเป็นตัวของตัวเองดี อย่างภาพนี้ เรารู้สึกได้ถึงความเป็น มามุ
อันนี้ก็ดูเป็น มามุ เหมือนกัน
บางที shot ประเภทเก็บความเป็นตัวของตัวเองของนางแบบ ทำให้เราดูแล้วมีความสุขดีนะ
ขอบคุณสถานที่ Chic Republic สาขาเลียบทางด่วนรามอินทรา (ก่อนถึง CDC) มากค่ะ
Web site :
http://www.chicrepublicthai.com
เกริ่นไว้แต่แรกใช่มะ กฎมีไว้แหก
นอกจากเราถ่ายนางแบบด้วยเลนส์ Wide 10-22 แล้ว เรายังจะแหกกฎด้วยการ
ถ่ายนางแบบด้วยเลนส์ Fish EYE 15mm อีกด้วยยยยยยยยยยย
ได้ Feeling ประมาณนี้ค่ะ
ถ้าจะให้ได้ effect แบบ Fish eye แบบนี้ ต้องใช้เลนส์ตัวนี้บนกล้อง Full Frame นะคะ
จบแล้วค่ะ ขอให้มีความสุขกับการถ่ายภาพ ได้ภาพดีๆมาอวดกันนะคะ ^ ^
นางแบบ : Mamu Maeda
FaceBook :
http://www.facebook.com/mamu.maeda