สินค้าที่เลือกมีหลายสเปค/สี/ราคา โปรดเลือกจากรายการด้านล่างแล้วคลิกปุ่ม "ใส่ตะกร้าสินค้า"

ถ่ายพริตตี้มอเตอร์โชว์ หรือ พริตตี้งานอีเวนท์ต่างๆ

สินค้า
สถานะสินค้า
ราคา
จำนวน
สินค้าหมดชั่วคราว
* สินค้าที่มีสถานะ "รอยืนยัน" เป็นสินค้าที่ต้องเช็คสต็อคก่อน สามารถสั่งซื้อได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่จะตอบกลับใน 1 วันทำการ
รายละเอียดเพิ่มเติม

ถ่ายพริตตี้มอเตอร์โชว์ หรือ พริตตี้งานอีเวนท์ต่างๆ

เราจะมาแนะนำเทคนิคการถ่ายพริตตี้ในงาน event

เราก็มักจะเห็นคนถ่ายภาพพริตตี้แบบนี้ใน internet ทั่วไป ก็จะเป็นภาพถ่ายน้องๆ น่ารักๆ ในงานที่แสนจะวุ่นวาย วันนี้เราก็จะมาสอนถ่ายภาพแบบนั้นนี่นแหละ

[youtube]


ทำไมถึงชอบถ่ายพริตตี้?
คนเล่นกล้องส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ชาย แล้วความชอบของผู้ชายก็คือการได้ถ่ายของสวยๆงามๆอย่างเช่น พริตตี้

การถ่ายพริตตี้ในมุมมองของโปรบางท่าน เค้าบอกว่ามันไม่ได้ประโยชน์อะไร
เพราะแสงก็จัดไม่ได้ ฉากหลังก็จัดไม่ได้ concept ก็จัดไม่ได้ แถมได้ฉากหลังรกๆติดเข้ามาอีกด้วย ภาพที่ได้ก็จะเหมือนๆกัน ดูไม่แตกต่างกันซักเท่าไร สุดท้ายภาพที่ได้ก็เป็นแค่ภาพ "ภาพsnapของสาวๆที่หน้าตาดี" เท่านั้นเอง ถึงขนาดบอกว่า "ขอร้องหละ อย่าโพสท์เลย อย่าเอาภาพทำนองนี้มาลงเลย เพราะมันทำให้มาตรฐานภาพถ่ายของพวกคุณลดด้อย ถอยลงไปโดยใช่เหตุ"
ใครอยากเข้าไปอ่านเต็มๆเข้าไปที่ link นี้ http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=15153&highlight=motor


แล้วทำไมหลายคนยังรักการถ่ายพริตตี้กันอยู่หนอ?

รักในความสวยงามของพริตตี้ แต่... ไม่มีเงินจ้าง
สำหรับคนที่ยังทุนน้อยอยู่ก็โอเคเนอะ แต่บางคนก็ดูไม่ได้จะมีทุนน้อยนะ ดูอุปกรณ์ที่ใช้ก็ไม่ธรรมดา หรือ เอ๊ะ ไม่อยากเสียตังค์จ้างนางแบบ สรุปว่าอยากถ่ายคนสวยแต่ไม่อยากลงทุน

ชอบถ่ายคนสวยๆ แต่รักสบาย
ไม่อยากตากแดด เดินในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เดินไปไหนก็เจอแต่พริตตี้

อยากฝึกฝนการถ่าย Portrait ฝึก Crop ฝึก Dept of field (DOF) อยากได้นางแบบมืออาชีพมา pose
อันนี้สติเต็มๆ

อยากได้พูดคุยใกล้ชิดกับพริตตี้ โดยกล้องและเลนส์ของเราเป็นบัตรผ่านชั้นยอด
อันนี้เราไม่มีอะไรจะแนะนำ เพราะพี่หนวด Axe Dude ได้สอนไปหมดแล้ว
(ดูพี่หนวดได้ที่นี่ https://www.youtube.com/watch?v=UeyH4fcCIoU)

ส่วนตัวเราขออยู่ตรงกลางแล้วกัน คือเราก็ไม่ได้คิดว่ามันไม่ได้อะไรเลย เราเลยจะมาแนะนำเทคนิคว่าจะถ่ายภาพพริตตี้ยังไงให้ได้ดีกว่าภาพ Snap



สำหรับ Final Image ของเรา ก็ประมาณ link ตามนี้ เราว่าเค้าถ่ายสวยดี

http://www.iloveportrait.com/webboard/showmsg.php?pID=7699
http://www.taklong.com/supermodel/show-supermodel.php?No=527289
http://www.taklong.com/supermodel/show-supermodel.php?No=527783
http://www.taklong.com/supermodel/show-supermodel.php?No=527492

จาก Final Image จะเห็นว่า Key Success Factors คือดังต่อไปนี้
- เบลอหลังให้ได้เยอะที่สุด สร้างโบเก้ให้ได้เยอะที่สุด
- ให้สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง ติดเข้ามาน้อยที่สุด
- แสงเงาสวยงาม สีผิวกระจ่างสดใสสมจริง



เริ่มต้นกันเลยที่ปัจจัยข้อแรก



อุปกรณ์แบบไหนที่ช่วยให้เราได้โบเก้เยอะๆ?
เลนส์ที่รูรับแสงกว้างๆ ทางยาวโฟกัสยาวๆ



ลองเริ่มเทสจากความแตกต่างระหว่างรูรับแสงกว้างและแคบดู

ใช้เลนส์ทางยาวโฟกัส 50mm เท่ากันตลอด แค่เปลี่ยนรูรับแสง



อันนี้เปิด F5.6



เปิดที่ F1.8
จะเห็นได้ว่าความสามารถในการเบลอหลังแตกต่างกันอย่างมาก



ต่อมา เรื่องของทางยาวโฟกัสยาวๆ
เราเทสเทียบระหว่าง ทางยาวโฟกัส 50mm กับ 200mm ที่รูรับแสงเท่ากัน คือ F2.8



ถ่ายที่ 50mm



ถ่ายที่ 200mm
เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ทางยาวโฟกัสยาวๆ ทำละลายหลังได้ดีมากๆ



แล้วกล้อง Fullframe กับ ตัวคูณหละ

เทสด้วยกล้อง 5D mark iii กับ 650D ด้วยเลนส์ 50F1.8 เปิด F1.8 เท่ากัน



ตัวคูณเบลอหลังได้ประมาณนี้



Fullframe เบลอได้ประมาณนี้

เราก็รู้ๆ กันอยู่ว่า กล้อง fullframe มันเบลอหลังได้ดีกว่ากล้องตัวคูณ แต่ในสถานะการณ์จริงแล้ว มันอาจจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความแตกต่างขนาดนั้นนะ อันนี้ความรู้สึกจริงๆ เลย ยอมรับว่าไม่แตกต่างแบบรู้สึกได้



โจทย์ข้อต่อไป สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องให้ติดเข้ามาน้อยที่สุด



เลนส์มุมแคบ หรือเลนส์ Tele นั่นเอง ที่จะช่วยทำให้เราถ่ายติดอะไรรกๆ ได้น้อยลง



ลองเทสเทียบระหว่างเลนส์ Wide 10-22 กับ Tele 70-200 ดูว่า ความแคบของมุมต่างกันขนาดไหน



ซูมที่ 10mm เวลาที่เราใช้เลนส์ wide จะเห็นว่ามีสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อติดเข้ามาด้วยเยอะมากๆ เช่นด้านขวา ดูไม่เกี่ยวอะไรกับภาพของเราเลย



แต่พอเราใช้เลนส์ tele ปั๊บ จะสังเกตว่า มุมมันแคบลง สิ่งที่ไม่เกี่ยวก็จะถูกลดทอนลงด้วยความที่มันเป็นเลนส์มุมแคบ



โจทย์ข้อต่อไป แสงเงาและสีผิดกระจ่างใสสมจริง



แฟลชนั้นเอง



ง่ายๆก่อนเลย ทดสอบใช้แฟลชกับไม่ใช้แฟลชในจุดที่แสงตกลงหน้าพริตตี้



ถ่ายแบบไม่ใช้แฟลช จะเห็นได้ว่า เงาดำๆจะตกลงบนหน้าของน้องพริตตี้เยอะเหมือนกัน



แต่พอยิงแฟลชเข้าไป ก็ช่วยเปิดเงาที่มืดๆ นั่นออกไปได้




เรื่องอุปกรณ์ "ถึง" กับ "พอไหว" ทำให้ได้ภาพต่างกันไหม?
"ถึง" เช่น 5D mark III + 70-200F2.8 L IS II USM กับ "พอไหว" เช่น 650D+50F1.8 มาดูว่าได้ภาพต่างกันอย่างไร
จะเห็นได้ว่า ภาพที่ได้จริงๆแล้ว มันเกี่ยวกับโอกาสและจังหวะมากกว่า ต่อให้อุปกรณ์ดีแค่ไหน ถ้าไม่ได้โอกาสที่ดี จังหวะที่เหมาะ ก็สู้ภาพที่ถึงอุปกรณ์จะไม่ถึง แต่ได้จังหวะที่ดีกว่าไม่ได้
จริงๆแล้ว คนเวลาดูภาพของเรา เค้ามองที่ content ที่อยู่ในภาพ หรือ เรื่องราวที่อยู่ในภาพมากกว่ามาสนใจว่าเราใช้อุปกรณ์อะไร คืออุปกรณ์ดีๆ มันแค่เพิ่มโอกาสในการเก็บภาพได้ง่ายขึ้น แต่สุดท้าย เราเป็นคนต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในโอกาส และ capture โอกาสนั้นๆให้ได้ อุปกรณ์มันเป็นแค่ส่วนประกอบนึงเท่านั้นเองนะจ๊ะ

ภาพนี้ถ่ายด้วย 5D mark iii + 70-200 F2.8L IS II USM



ส่วนภาพนี้ถ่ายด้วย 650D+50F1.8 แต่สังเกตุว่า ภาพนี้จะสวยกว่าภาพที่ถ่ายด้วย 5D mark iii เพราะจังหวะและเรื่องราวมันดีกว่า ภาพนี้ได้แสงจากด้านหลังตรงมือของน้องพริตตี้พอดี จึงดูมีอะไรเยอะกว่าภาพบนนะจ๊ะ



สรุปว่า
ถ้าได้เลนส์รูรับแสงกว้างๆ ทางยาวโฟกัสยาวๆ บนกล้อง fullframe และมีแฟลช เราก็จะทำให้ key success factors ทั้ง 3 อันสำเร็จได้โดยง่ายนะจ๊ะ
แต่... ทั้งหมดไม่มีก็ไม่เป็นไร เอาเท่าที่มี ลองใช้เทคนิคที่เคยสอนเจาะลึกโบเก้เข้ามาช่วยได้ /Article/102/13314/เจาะลึกโบเก้-Bokeh



ถ้าใครยัง setting กล้องได้ไม่เร็วนัก
ปรับโหมด AV รูรับแสงกว้างสุด แฟลชก็ปรับเป็น E-TTL ไปเลย

ถ้าใครคิดว่า setting อุปกรณ์ได้รวดเร็ว
ก็ใช้โหมด M ไปเลยทั้งกล้องทั้ง Flash

เรา Reccommend ว่าโหมด M ไม่ยากอย่างที่คิด เราก็จะแนะนำวิธี setting ของโหมด M นะ

เริ่มต้นเลย
- ปรับรูรับแสงกว้างสุด
  เลนส์คุณกว่างสุดได้เท่าไรก็เท่านั้นแหละ
- ใช้ speed shutter
   ไม่ต่ำกว่า 1/100 (จริงๆแล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน และแต่ละสถานะการณ์) ที่แนะนำ 1/100 เพราะงานแบบนี้ บางที pretty ขยับตัวบ้าง หรือเราโดนเบียดบ้าง ถ้าใช้ speed shutter ต่ำๆ อาจทำให้พลาด shot สำคัญได้
- สุดท้ายก็ปรับ ISO ให้พอดี
  ทำยังไง ก็เปิด Live View ขึ้นมาเพื่อวัดแสง คือดูด้วยตาเราแหละ ง่ายดี ถ้าเห็นว่ามืดไปก็ให้ดัน ISO ขึ้น ถ้าสว่างไปก็ลด ISO ลง ภาพที่อยู่ใน Live View คือภาพที่เราจะได้ ดังนั้น เราจะใช้ Live View วันแสงนะจ๊ะ (ก่อนวัดแสงให้ปิด Flash ก่อนนะ เพราะถ้าไม่ปิด จะไม่รู้ว่าพอดีหรือป่าว เพราะกล้องจะทำให้เห็นว่าพอดีใน LiveView)

- แฟลฃหละ? จะใช้เมื่อไร?
ให้ลองถ่ายแบบไม่ใช้แฟลชก่อน ถ้าแบบออกมามืด ก็ให้ยิงแฟลชเข้าไปเบาๆก่อน อาจจะ 1/128 หรือ 1/64 แล้วค่อยๆดูผลว่าสีผิวสว่างสวยงามกระจ่างใสหรือยัง
และแนะนำมากๆ ให้ดึงบานพับกระจายแสงออกมา เพราะมันจะทำให้ Flash ซูมที่มุมกว้าง พูดง่ายๆ ว่าจะได้แสงที่นุ่มกว่าไม่ดึงนั่นเอง



ปกติแฟลชมันจะปรับ auto zoom ไว้ให้สอดคล้องกับทางยาวโฟกัสที่เราปรับ ถ้าเราปรับทางยาวโฟกัส 200mm มันก็จะซูมแฟลชไปที่ 200mm ซึ่ง แคบ แต่แรงมาก
ทีนี้เวลาเราถ่ายในที่ร่มแบบนี้ เราไม่ได้ต้องการความแรงอะไรนักหนา แต่เราอยากให้แสงมันกว้าง นุ่ม คลอบคลุมตัวแบบมากกว่า เราเลยอยากถ่ายที่มุมกว้างที่สุดของแฟลช
ทีนี้ พอเราดึงไอ้บานพับนั่นลงมา แฟลชจะปรับ zoom เป็นแบบ maual ที่มุมกว้างที่สุดที่แฟลชมันทำได้ มันก็เท่านั้นเอง ดังนั้นแสงที่ยิงออกไปมันก็ดูกว้างและนุ่มกว่า



ให้ถ่ายเป็นไฟล์ RAW เพราะงานแบบนี้บางที White Balance อาจจะผิดบ้างไรบ้าง ต้องกลับมาแก้ไขแน่ๆ ก็ถ่ายเป็น RAW ไว้ จะได้แก้ไขได้ง่าย





อะไรที่ไม่เกี่ยวกับภาพ ก็ไม่ต้องใส่เข้ามา....



พูดง่าย ทำยาก



- เริ่มจาก มองหาฉากหลังที่เป็นโบเก้ก่อน ดูว่าทำละลายได้แค่ไหน โดยมองหาดวงไฟไกลๆ คนไหนทำได้ก่อน คนนั้นชนะ ให้คิดว่า Bokeh is King



- หามุมที่ไม่ติดคน
- ถ่ายเสยสามารถเลี่ยงมุมได้ แถมได้โบเก้อีกด้วย การถ่ายเสย ถ้าเราใฃ้เลนส์ที่ทางยาวโฟกัสยาวๆ มันจะดูไม่ออกว่าเสยอยู่



- ถ่ายชัเตื้นที่สุด
ปัจจัยชัดตื้นมีอะไรบ้าง รูรับแสงกว้าง, ทางยาวโฟกัสยาว, เข้าใกล้แบบมากๆ



- ถ่าย portrait ครึ่งตัวเลี่ยงความรกได้เยอะ
เพราะเราเข้าใกล้แบบมากขึ้น ก็เลยเบลอหลังได้มากขึ้นและลดอะไรรกๆที่ฉากหลังได้มากขึ้น เพราะตัวแบบอาจจะบังให้เราได้เยอะ



- ถ่ายแนวนอนก็ช่วยให้ภาพถ่ายครึ่งตัวเก็บเรื่องราวได้มากขึ้น
บางทีแนวตั้งอาจจะเล่าเรื่องได้ไม่ดีเท่าแนวนอนก็ได้ เพราะแนวนอนมีที่เหลือด้านข้างที่จะให้เราสามารถใส่โบเก้เข้าไปได้นะจ๊ะ



- หลีกเลี่ยงเวลาน้องพริตตี้เข้าไปอยู่ใต้ไฟ downlight จังๆ
เพราะถ้าเรายิงแฟลชแก้ปัญหานั้น จะทำให้แสงดูแข็ง และพริตตี้จะแสบตามาก แต่ถ้าเราเลี่ยงมุมใต้ downlight จังๆได้ เราก็แค่ fill flash เข้าไปเท่านั้นเอง ก็จะได้แสงดูเป็นธรรมชาติ



- ถ้าใครอยากถ่ายเต็มตัวหละ?
ก็รอน้องพริตตี้ขึ้นไปบนเวที ก็จะสามารถเก็บเต็มตัว + ฉากหลังไม่รกได้

สรุปเรื่ององค์ประกอบดังนี้...



การจัดองค์ประกอบเกี่ยวกับจะวางตัวแบบตรงไหนอย่างไร ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ใช้จุดตัดเก้าช่องไปธรรมดาแหละ





Tips เพิ่มเติม

เราสามารถเอาสปอร์ตไลท์ในงานมาทำเป็น Rim Light ได้นะจ๊ะ



ภาพนี้ให้น้องพริตตี้มายืนหันหลังให้สปอร์ตไลท์ แล้วถ่ายย้อนแสง เสยขึ้นไป คือเวลาเราใช้เลนส์ tele แล้วถ่ายเสย มันจะดูไม่ออกว่าถ่ายเสยอยู่นะ อิอิ

แสงแบบนี้วัดยากแน่ๆ ก่อนจะไปของน้องเค้าถ่าย ให้เพื่อนเราลองไปยืนตรงจุดที่ต้องการ แล้ววัดแสงที่กล้องและแฟลชให้เสร็จสรรพก่อนนะจ๊ะ น้องเค้าจะได้ไม่เสียเวลา



อีกอย่างนึง การถ่ายติดแบรนด์ก็ช่วยสร้างเรื่องราวให้ภาพของเราได้นะ



มันทำให้เรารู้ว่า เค้าเป็นพริตตี้ของแบรนด์อะไร ดูมีเรื่องราวมากขึ้น



แล้วการเอียงกล้องหละ?
คำถามแรก เอียงทำไม? คือเราคิดว่า จะเอียงก็ได้ แต่ต้องเอียงแบบมีเหตุผล (นอกจากรู้สึกมีพลังและได้ความแปลก) อาจจะเอียงเพื่อเก็บโบเก้ฉากหลัง หรือเอียงเลี่ยงความรก หรือเอียงเก็บปีกของน้องพริตตี้ก็ได้เป็นต้น



อย่างภาพนี้ เอียงเพื่อเก็บโบเก้จ้าาาา



Tips อีกอย่างคือ การเลื่อนจุดโฟกัสให้เข้าไปใกล้ตาของน้องพริตตี้ที่สุด จะทำให้เราโฟกัสได้แม่นยำและรวดเร็ว



เลื่อนไว้เลย แล้วค่อยเริ่มโฟกัส แล้วหันมาจัดองค์ประกอบ เราก็จะโฟกัสโดนเป้าหมายมากขึ้น และใช้เวลาในการโฟกัสและกลับมาจัดองค์ประกอบได้เร็วขึ้น



Tips สุดท้าย กำหนดไปเลยว่าอยากได้กี่ภาพ และต้องถ่ายกี่ภาพ โดยเรามีสูตรส่วนตัวของเราว่า เรามักจะได้ภาพประมาณ 5-10% ของภาพที่ถ่ายทั้งหมด ดังนั้นถ้าเราอยากได้ภาพซัก 10 ภาพ เราต้องถ่ายทั้งหมด 100 ภาพ ซึ่ง 100 ภาพนั้นต้องเป็นภาพที่หวังผลทุกภาพนะจ๊ะ



มารยาทในการถ่ายพริตตี้
ในเวลาที่เค้าว่าง และไม่ได้เป็นเวลาพักผ่อนของเค้า เราก็เข้าไปขอเค้าถ่ายได้ เข้าไปขอถ่ายอย่างสุภาพ แค่นั้นเอง พูดง่ายๆว่าเป็นเรื่อง common sense ทั่วไปเลยหละ ให้คิดเหมือนคุณจะไปทักทายคนไม่รู้จักอะ คุณทำยังไง ก็ทำแบบนั้น ถอดเอาความเป็นตากล้อง กับ พริตตี้ออกไปก่อน คุณทักทายคนอื่นยังไง ปฏิบัติตัวกับคนอื่นยังไง ก็ทำแบบนั้นแหละ
สำหรับตากล้องด้วยกัน ก็รู้จักแบ่งปันมุมกัน ถ้าได้ภาพแล้วก็ออกไป ให้คนอื่นเข้ามาบ้าง ระวังเอาเลนส์ไปชนหัวคนอื่นหละ การไปถ่ายรูปในหมู่คนเยอะๆอาจจะมีกระทบกระทั่งกันบ้าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งง่ายๆก็คือให้อภัยกัน คิดง่ายๆว่าเรามาสนุก อย่าคิดอะไรมาก

เป็นยังไงกันบ้าง? ถ่ายพริตตี้งาน mortor show หรือ game show มันยากมะ?
เราว่ามันยากมาก เพราะคนเยอะ จัดอะไรก็ไม่ได้ ทำได้แค่พยามหาจังหวะดีๆ เรากำหนดอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่คาดเดาและปรับตัวเองไปตามสถานะการณ์ สิ่งที่เราต้องมีมากๆเลยคือ เราต้องรู้จักอุปกรณ์ของเราให้ดี รู้ถึงข้อจำกัด และ ข้อดีของมัน และใช้ข้อดีของมันให้เต็มที่ หลีกเลี่ยงข้อจำกัดของมัน และต้องใช้งานอุปกรณ์ของเราให้คล่อง เพื่อจะได้พร้อมเสมอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ผ่านเข้ามาพอดี

ถามว่าสนุกไหม ถ่ายพริตตี้?
ตอบเลยตรงๆ สนุกมาก สนุกจริงๆ มันคือกิจกรรมอีกอย่างนึงที่ตากล้องไม่ว่าจะมืออาชีพ มือเก่า หรือ มือใหม่ ก็สามารถมาลงในเวทีเดียวกันได้แบบเคียงบ่าเคียงไหล่กันเลย มือใหม่ได้ดูว่ามือเก่ามีเทคนิค อุปกรณ์อะไรบ้าง มือเก่าได้ลับฝีมือตัวเองให้คมอยู่เสมอ ดีทั้งคู่เลยหละ

ถามว่าได้ประโยชน์อะไรกับคนที่ plan ว่าต้องการเป็น Pro ทางด้านการถ่าย Portrait ไหม?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ตำว่า "Pro" ในที่นี้คืออะไร Pro ถ่ายพอเทรต คือ คนที่คิด concept เอง, เลือกสถานที่เอง, เลือกเสื้อผ้าเอง, จัดแสงเอง, วางแผนการถ่ายรูปเอง อันนี้เราถือว่าเป็น "Pro Portrait"
ดังนั้นถ้าถามว่า ได้ประโยชน์อะไรกับคนที่ plan ว่าต้องการเป็น Pro หรือไม่ เราตอบตรงๆเลยว่า "ไม่" งานนี้ไม่ได้ประโยชน์ต่อการเป็นโปรแน่นอน ถ้าใครคิดว่ามางานแบบนี้เพื่อฝึกเป็น Pro Portrait เราคิดว่า มาแล้วเสียเวลา สู้เอาเวลาไปจ้างนางแบบมาถ่ายแบบ Private ดีกว่า


ภาพพริตตี้ด้านล่างนี้ดูกันสนุกๆ เพลินๆ นะจ๊ะ

ชุดนี้จากงาน Thailand Game Show 2013



























































นี่ก็พริตตี้ ????? งานนี้ น้าฟินสุดๆ



สินค้าแนะนำ
x

ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในตะกร้า