ทริปพิเศษตามรอยต้นนะจ๊ะ เชื่อหรือไม่ รูปที่ดีบางทีต้องมีดวง
(Singapore Cityscape at Marina bay)
เคยสงสัยมั้ยว่า เวลาเราถ่ายรูปแล้วเกิดอะไรขึ้นในตัวกล้อง มันถึงได้ออกมาเป็นภาพให้เรานะ ลองมาดูภาพนี้กัน
เราเคยสงสัยว่า...
ทั้งๆ ที่เราก็ฝึกถ่ายภาพ ดูภาพจากผู้มีประสบการณ์ทั้งหลายอยู่บ่อยๆ แต่ทำไม เราก็ยังไม่ได้ภาพสวยอย่างเค้าซะที หรือบางทีไปด้วยกัน เรียนมาเท่ากัน อุปกรณ์เดียวกัน แต่ทำไมได้ภาพแตกต่างกัน จนวันนึง ได้อ่านกระทู้พี่ Ketpong เค้าพูดเกี่ยวกับเรื่องดวงว่า ภาพสวยๆ บางที ต้องมีดวง หรือแม้แต่การได้พูดคุยกับพี่ RBJ เค้าก็บอกว่า ธรรมชาติถือหุ้น 99% ในการที่คุณจะได้ภาพสวยหรือไม่ได้
เราก็เฮ้ย ... ขนาดโปรฯ ยังพูดและเหมือนจะเชื่อเรื่องดวงเลย คือธรรมชาติของเรา เราไม่ได้เชื่อ เราคิดว่า การที่เราจะได้อะไรมา เราต้องแลกด้วยความสิ่งที่เรามี ความสามารถของเรา เราต้องลงมือทำเอง ถึงจะได้มา แต่วันนี้ เราได้ยินคนระดับโปรฯ พูดอย่างงี้ ก็ค่อนข้างไปกระตุ้นต่อมความอยากรู้ อยากเห็น และอยากพิสูจน์
อันนี้ เราไม่นับพวกที่โทษแต่ดวงไม่เคยโทษตัวเองนะ เราพูดถึงในแง่เฉพาะของคนที่คิดว่า เตรียมตัวมาอย่างดี ฝึกฝีมือมาตลอด ขยันทำการบ้านตลอด แต่ทำไมบางครั้งก็ไม่ได้ภาพสวยอย่างที่อยากได้ เราก็เลยอยากลองดูซักตั้ง ก็เลยถ่อมาสิงคโปร์
แล้วทำไมต้องเป็นสิงคโปร์ ?
สิงคโปร์เป็นประเทศแรกที่พวกเรา iLove ออกเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง และยังประทับใจอยู่จนทุกวันนี้
และเราเริ่มถ่ายภาพจากการถ่าย City Scape (ถ้าใครยังจำได้ กระทู้ในบอร์ด iLove ที่พวกเราไปฝึกถ่ายภาพที่สาทรกันภาพส่วนใหญ่เป็นฝีมือครูเบน
http://www.ilovetogo.com/BoardD/72/804 และเป็นภาพที่พวกเรากล้าหาญชาญชัยนำไปโพสท์ไว้ที่เว็บ Pixpros ห้อง Rookie
http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=39042 และก็ได้รับการปักหมุด โอ้วววว คุณพระ !!! มีแววนะเว้ยเฮ้ย.... หรือไม่พี่เค้าก็คงจะปักผิดกระทู้) ก็เริ่มรู้สึกว่า น่าสนุก มีกำลังใจ ฮึกเหิม ก็เลยศึกษาภาพแนวนี้มาตลอด พอมีกระทู้ภาพอะไรสไตล์นี้ ก็จะต้องดูทุกครั้งไป ทำให้เราได้รู้จักคุณพี่ Tonnaja
อย่างที่บอกว่า เราได้ดูกระทู้ของคุณ Tonnaja ในบอร์ด Pixpros เค้าถ่ายภาพแนว CIty Scape สวยมาก และติดตามผลงานเค้ามาตลอด และกระทู้ที่เราไปอ่านเจอเข้า เค้าไปถ่ายที่สิงคโปร์ และเค้าบอกรายละเอียดว่าดีทีเดียวว่า เค้าไปถ่ายตรงจุดไหนมาบ้าง ไปยังไง กี่โมง ก็เลยอยากไปเก็บภาพสไตล์นี้บ้าง เตรียมตัวให้พร้อมเลยดูซิว่า จะได้ภาพอย่างเค้าหรือเปล่า
เราก็เลยของกลับมาที่สิงคโปร์อีกครั้ง เพื่อทำคลิป Photo Corner กัน เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน
"ตามรอยต้นนะจ๊ะ เชื่อหรือไม่... รูปที่ดีบางทีต้องมีดวง"
กระทู้แรงบันดาลใจ ใครสนใจก็คลิกเข้าไปได้ที่ลิงค์เหล่านี้เลยค่ะ
1. Singapore Cityscape : The treasure of Marina bay
http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=63008
2. เชื่อหรือไม่-รูปที่ดีบางรูปต้องมีดวง...
http://www.ilovetogo.com/BoardD/72/4163
3. [HONG - BU - SING ] == SOLO Cityscape :: No Feat.
http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=63042
: : Concept ภาพ : :
อ่ะ เกริ่นมาซะยาวขนาดนี้ ณ จุดตรงนี้ เราได้ Objective และ Concept ของภาพแล้วว่า เราอยากได้ Final Image แบบไหน ถูกต้อง .... เราอยากได้
ภาพ City Scape แบบ คุณ Tonnaja ค่ะ แน่นอน .... Location ที่เราเลือกสำหรับ Photo Corner ในวันนี้คือ Marina Bay ค่ะ
: : Location : :
แล้วทำไมต้องเป็น Marina Bay ?
เพราะ ที่นี่ เป็นสถานที่ๆ คุณ Tonnaja มาถ่าย และที่ Marina Bay แห่งนี้ เป็นใจกลางเมืองที่เรียกว่ารวมทุกอย่างไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นโรงละคร ห้าง อาคารสำนักงานธุรกิจการค้า Area สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ร้านอาหารชิลๆ เก๋ๆ ริมแม่น้ำสิงคโปร์
นับเป็น Tourist Attraction ยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในสิงคโปร์เลยค่ะ เพราะอย่างที่เห็นๆ นี่แหล่ะ มีอาคารสวยๆ เรียงรายกันอยู่ริมน้ำ ถามว่า นักถ่ายรูปเห็นแบบนี้ ไม่คันไม้คันมือกันบ้างหรอ นอกจากดีไซน์ตัวตึกแล้ว ก็ยังมีเงาสะท้อนน้ำให้เล่น และถ้ามาช่วงเวลาเหมาะเหม็งนี่ จะได้ฟ้า ประกอบกับตัวตึกสวยมากๆ เลยค่ะ จะว่าไป จะเรียกมันว่า Landmark ของสิงคโปร์เลยก็ได้ ถ้าไม่มาเก็บภาพมาตรฐานที่นี่ ก็อย่าบอกว่ามาสิงคโปร์แล้วดีกว่า
ที่ Marina Bay มีสถานที่กว้างใหญ่ทีเดียว ใครที่เคยไปก็จะรู้ค่ะ แล้วเราจะไปตรงจุดไหนกันบ้าง ?
- จุดชมวิว
Sands Skypark ที่ Marina Bay Sands (ที่นี่แหล่ะ ห้ามใช้ขาตั้งกล้อง)
-
Merlion ตรงแม่น้ำสิงคโปร์
-
Esplanade Drive สะพานสำหรับข้ามแม่น้ำไป อาคาร Esplanade
-
สะพาน Helix สะพานรูปเกลียว
-
หน้า Sands Skypark ตรงกล่องหลุยส์ วิตตองส์ ช็อป หลุยส์นั่นเอง เรียกตามคุณพี่ต้นอ่ะค่ะ (อันนี้ แอบเพิ่มเข้ามาในทริปแบบไม่ได้ Plan ไว้ล่วงหน้าค่ะ แต่ขอบอกว่า อย่าพลาดมุมนี้นะ ถ้าใครจะตามรอยพวกเราบ้างไรบ้างอ่ะ ; P)
: : ช่วงเวลา : :
ถ้าอยากได้อย่างพี่เค้า จัดหนักมาเลยค่ะ Twilight ทั้งเช้า และเย็นเลย ดังนั้น แผนเราจะเป็นยังงี้ คือ ทั้งเช้า และเย็นของทุกวันที่เราอยู่ที่นี่ เราจะมาต้องมาอยู่ที่ Marina Bay ในช่วงเวลา Twilight
: : อุปกรณ์ : :
ก็ตามรอยเค้า เราก็ศึกษาภาพมาระดับนึงว่า ภาพสไตล์นี้ น่าจะใช้เลนส์อะไร กล้องอะไร ดูจากทรงแล้ว เราก็เลยเตรียมอุปกรณ์ดังนี้ค่ะ
กล้อง
- 600D
- 5D Mark II
- อาจจะมีกล้องรับเชิญบ้างไรบ้าง
เหตุผลที่เอาไปเยอะขนาดนี้ เพื่อ ?? ก็เอาไปเท่าที่เรามี แค่นั้นเอง คือเราก็ไปยืมคุณน้าเล็ก บ้าง ยืมเลนส์พี่ชายเราบ้างไรงี้
เลนส์
- 10-22 เพื่อให้ได้ภาพแบบนี้
http://www.pixpros.net/forums/showpost.php?p=1386156&postcount=2
- Fish Eye เพื่อให้ได้ภาพประมาณนี้
http://www.pixpros.net/forums/showpost.php?p=1386304&postcount=10
- Tele เอาไปด้วย ทำไม? เราไม่เห็นรูปที่พี่เค้าใช้ Tele เลยนะ เอาติดไปเพราะเป็นกิเลสของเราเองว่า อยากได้ภาพตัวเองสวยๆ บ้างไรบ้าง เฮ้อ -___-''
- 24-70 ของคุณ (น้า) เล็ก มา เพราะเราอยากได้ภาพ Normal น่ะ คือจากเท่าที่ดูกระทู้คุณต้น เค้ามีภาพที่มันดู Normal ด้วย ก็เลยจัดเต็มด้วยเหมือนกันกับเลนส์นี้ค่ะ
Accessories
เราคงไม่ได้มาพูดถึงชุดทำความสะอาด ลูกลมเป่ายางกัน
- ขาตั้งกล้อง อันนี้เป็นประเด็นเหมือนกัน เพราะบางที่ ที่เราจะไปถ่ายภาพกันในทริปนี้ มีบางที่ห้ามใช้ขาตั้งอย่าง Sands Skypark อ้าว แล้วช่วง Twilight ห้ามใช้ขาทำไงดีหนอ ไว้ก่อนแล้วกัน เอาติดไปก่อน ค่อยว่ากัน
- สายลั่นชัตเตอร์ ห้ามลืม ไม่งั้นต้องตั้งเวลาถ่าย ไม่ทันใจวัยรุ่นเลยล่ะ
ผลสรุปจาก ทริปนี้ ที่เราคิดไว้คือ เราจะเอา ภาพที่ดีที่สุดของแต่ละช่วง ในแต่ละวัน ของแต่ละกล้อง มาเปรียบเทียบกัน
ใจพร้อม อุปกรณ์พร้อม ก็ไปลุยกันเลยดีกว่า อุปกรณ์เดิมๆ คนเดิมๆ ไปที่เดิมๆ ตลอด 3-4 วัน เตรียมตัว ทำการบ้านมาอย่างดี ไปให้ถูกที่ถูกเวลา หุ้นส่วนธรรมชาติจะมาถือหุ้นกี่ % และบุญวาสนา ใครจะดีกว่ากัน
และพวกเราก็กลับถึงกรุงเทพกัน แน่นอนว่า แบกรูปมาขนานใหญ่ ถ้านับเป็นข้าวสาร คงได้หลายกระสอบกันเลยทีเดียว
ภาพ Thumb พวกนี้คือภาพที่ดีที่สุดของแต่ละกล้องแต่ละวันแต่ละช่วงเวลา ที่พวกเราคัดกันมาแล้ว (คัดกันเอง ตามประสบการณ์พวกเราเอง... อย่าคิดไรมาก -__-'') เริ่มดูทีละภาพกันเลย
จุดเกิดเหตุ : Sands Skypark ที่ Marina Bay
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 1 ทไวไลท์ ตอนเย็น (เพราะเราไปไม่ทันทไวไลท์เช้าค่ะ คือวิ่งมาจากกรุงเทพฯ น่ะ >< )
กล้องตัวที่ 1 (Canon 500D + เลนส์ Canon EF-S 10-22MM F/3.5-4.5 USM) ถ่ายที่ระยะ 15mm F4 speed shutter 1/20s ISO400 ถ่ายเวลา (สิงคโปร์) 19:22
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 1 ทไวไลท์ ตอนเย็น
กล้องตัวที่ 2 (Canon 600D + เลนส์ Canon EF 70-200MM F/2.8L IS II USM) ถ่ายที่ระยะ 70mm F2.8 speed shutter 1/40s ISO800 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 19:18
ที่นี่ แหล่ะ เค้าไม่ให้เราใช้ขาตั้งกล้องค่ะ แต่ตามขอบตรงจุดชมวิว จะมีเหมือนเป็นที่วางแขน เราจึงใช้จุดนั้นวางเท้าแขนลงไป ก็ช่วยให้นิ่งได้ในระดับนึงค่ะ
แต่ก็มีเทคนิคมาฝากสำหรับกรณีที่ เค้าไม่ให้ใช้ขาตั้งกล้อง แต่เราจำเป็นต้องถ่ายภาพในที่แสงน้อย
เราต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเอง และรู้จักอุปกรณ์ที่เรามีอยู่ให้มากที่สุดก่อน โดยเฉพาะเลนส์ที่จะใช้ คือ เราเอาเลนส์ไปถ่ายเทสก่อนลงสนามจริง เช่น
- 10-22 Speed Shutter ช้าสุดที่เท่าไรที่เราเอาอยู่ ที่เราถือได้ ภาพไม่เบลอ จากที่ เทสมา 1/15 หรือ 1/20 เอาชัวร์
- 70-200 ของเรามีกันสั่น 4 stop แต่ความสามารถในน้ำมือของเราได้แค่ 1-2 stop เท่านั้น ไม่งั้นภาพเบลอ คือ เลนส์ที่มีนน.มาก ถือแล้วก็จะกวัดแกว่งด้วยความเมื่อยล้าได้ (เราจะเปิดรู้รับแสงกว้างสุด Speed Shutter ช้าสุดเท่าที่ถือได้ และดัน ISO เอาถ้าภาพออกมามืด)
- Fish eye ก็ 1/15 ชัวร์สุด
สถานการณ์ของวันที่ 1
- ตามกำหนดการ พวกเราเลือกที่จะขึ้น Sands Skypark กันเลยในวันนี้ เพราะว่า อยากมาก เห็นในรูปมานานมากแล้ว อยากไปโดนซักครั้ง และธรรมชาติก็ลงโทษ ฟ้าเน่า ฝนปรอยตลอดๆ เฮ้อ...
- อาการอดนอนของชาวคณะ อย่างครูเบน ครูเก้า ที่ตื่นเต้น จะได้ไปเที่ยว ก็เลยนอนไม่หลับ นอนเหมือนไม่ได้นอน เครื่องออก 7 โมงเช้า ก็คิดเอาว่าต้องตื่นกี่โมง มีรุ่นพี่แนะนำว่าให้ไปนอนสนามบินจะคุ้มกว่า -___-'' ด้วยเหตุนี้ พลังของพวกเรา 2 คน ก็เลยมีอยู่แค่ ครึ่งเดียว เหมือนแบตมือถือ ที่ชาร์จไม่เต็ม แต่ก็ต้องดึงออกไปใช้แล้วอ่ะ
- และนอกจากนี้ ก็ยังมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คือ พวกเราเกือบจะตกเครื่องบินกัน เนื่องจากความผิดพลาดของพิธีกรสาวแสนสวย (ตรงไหน?) โก๊ะ อ่านเลข Gate สำหรับขึ้นเครื่องผิด และไม่ผิดธรรมดา ไม่ได้ผิดแบบใกล้ๆ กัน แต่ผิดแบบ หัวกะท้าย คือวิ่งใส่เกียร์หมาพูดเดิ้ลทอย ที่อ้วนมาก ประมาณ 900 เมตร ในเวลา 15 นาที ทำให้พลังงานลดลงอย่างฮวบฮาบ เหมือนไอโฟน 4s ที่ซดแบต ก่อน Update IOS จากที่มีอยู่แค่ครึ่งเดียว พลังงานพวกเรา ลดลงเหลือ 25% ตั้งแต่เริ่มต้นทริป >< สงสารก็แต่แม่ ผู้สูงอายุ ต้องวิ่งไปด้วยอย่างหน้าตาตื่น "แม่ หนูขอโต๊ดดดดดด... T/\T"
ความผิดพลาดของวันที่ 1
- จากสถานการณ์ เราเห็นแล้วว่า ฟ้าไม่เป็นใจแน่นอน ฟ้าทไวไลท์ไม่จิ๊ดดังใจหมาย ถามว่า จุดนี้ แก้ไขได้อย่างไร แก้ได้โดยการปรับแผนค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ทำ
- กล้องตัวที่ 2 ติดเลนส์ ผิดกาลเทศะ ให้ถูกต้องคือ ควรจะติดเลนส์ Fish eye มากกว่า แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยน
จาก 2 ข้อนี้ ทำไมเราไม่ได้ทำ เพราะว่า ร่างกายเราไม่พร้อม ณ ช่วงทไวไลท์ในวันนี้ เหนื่อยล้ามาก จนคิดอะไรไม่ออก ประกอบกับประสบการณ์ด้วย ทำให้ได้ภาพที่ควรจะได้น้อยกว่าที่คิดไว้
จุดเกิดเหตุ : บริเวณ Merlion ที่ Marina Bay
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 2 ทไวไลท์ ตอนเช้า
กล้องตัวที่ 1 (Canon 500D + เลนส์
Canon EF-S 10-22MM F/3.5-4.5 USM) ถ่ายที่ระยะ 19mm F8 speed shutter 5s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 06:42
จุดเกิดเหตุ : บริเวณ Merlion ที่ Marina Bay
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 2 ทไวไลท์ ตอนเช้า
กล้องตัวที่ 2 (Canon 600D + เลนส์
Canon EF 24-70MM F/2.8L USM) ถ่ายที่ระยะ 24mm F5.6 speed shutter 8s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 06:41
ว้าววว เป็นไงเล่า เช้าวันนี้ จ๊าบมั้ยๆ ไม่อยากจะเม้าท์ ^o^ ฟ้าสวยอะไรอย่างงี้
แต่หลังจากหมดแสงทไวไลท์ ได้ไม่นาน พายุ ก็ก่อตัวขึ้น เป็นเมฆดำมหึมา ฟ้าสองด้าน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนมนุษย์ต่างดาวจะมาบุกโลก ฟ้าด้านนึงส้มสวยหยาดเยิ้ม แต่อีกฝั่งเหมือนกับจะเป็นวันสิ้นโลก ต้องรีบเก็บของวิ่งเข้าร้านกาแฟแถวนั้นเป็นการด่วน ก็เลยอดได้ฟ้าสีฟ้า Normal บ้างเลยอ่ะ แบบนี้เรียกธรรมชาติถือหุ้นมั้ย ก็น่าจะได้ อย่างน้อยๆ ก็ถือหุ้นร้านกาแฟ เพราะเราก็เลยเข้าไปซื้ออาหารเช้า และนั่งทานในนั้นจนพุงกาง ; P
จุดเกิดเหตุ : สะพาน Helix ที่ Marina Bay
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 2 ทไวไลท์ ตอนเย็น
กล้องตัวที่ 1 (Canon 500D + เลนส์
Canon EF-S 10-22MM F/3.5-4.5 USM) ถ่ายที่ระยะ 10mm F3.5 speed shutter 0.4s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 19:27
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 2 ทไวไลท์ ตอนเย็น
กล้องตัวที่ 2 (Canon 600D + เลนส์
Canon EF 24-70MM F/2.8L USM) ถ่ายที่ระยะ 28mm F8 speed shutter 1/4s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 19:21
สถานการณ์ของวันที่ 2
- วันนี้ ถือว่า ธรรมชาติแจกจ่ายปันผลให้พวกตากล้องอย่างเราเสวยสุขกันแล้วล่ะ ทั้งเช้าและเย็น ฟ้าสวยมากๆๆๆๆๆๆๆ ฝนไม่ตกในช่วงทไวไลท์เลย โดยเฉพาะตอนเย็น ท้องฟ้าให้แสงจิ๊ดจ๊าดโดนใจมาก ถึงแม้ว่าตอนเช้า จะมีฝนตกลงมา อย่างน้อย ธรรมชาติก็ยังปราณี ไม่ตกตอนช่วงแสงทอง สาธุ ^/\^
- แต่บางคนคงเคยได้ยิน เรื่อง 3 ล้อถูกล็อตเตอรี่ รางวัลที่ 1 ที่สุดท้าย เงินล้านเค้าก็หมดไป เพราะไม่มีความพร้อม และความสามารถจะรักษาเงินล้านไว้ได้ วันนี้ ทไวไลท์เย็น เก้าเป็นสามล้อ ได้เงินล้าน ฟ้าสวยโฮก แต่กลับมามีปัญหากับขาตั้งกล้องอันใหม่ ที่เพิ่งซื้อมา และไม่เคยซ้อมใช้ และเรียนรู้ Featuring กันมาก่อน ทำให้ไม่รู้วิธีใช้งาน ได้มาภาพมาด้วยความเสี่ยงว่าอาจจะเบลอได้ จัดองค์ประกอบได้ไม่เต็มที่ ได้ภาพมาน้อยกว่าที่ควรจะได้ T_T เจ็บใจตัวเองจริงๆ
ณ จุดนี้ จะตามหาไดเร็คเตอร์ ที่ใช้เป็นมาช่วย ก็หาไม่เจอ เพราะเค้าเองก็มีหน้าที่ถ่ายวีดีโอ เก้าอยู่ด้วยกันกับแม่ แม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ในการปรับขาตั้งกล้อง แม่ก็เลยเดินหาไดเร็คเตอร์ให้ แต่ก็หาไม่เจอ เพราะบริเวณสะพาน Helix ก็ไม่ใช่แคบๆ แม่ไม่รู้ทำไง แม่ก็เลยไปถ่ายรูปทไวไลท์มั่ง ด้วยกล้องคอมแพ็ค Canon Ixy แม้แต่แม่ ยังเห็นคุณค่าของแสงทไวไลท์เลย ได้ภาพนี้มา แอบเอามาให้ชมกันเล่นๆ ค่ะ
- ก็มาแอบลองคิดเล่นๆ ว่าตอนที่เราไปถ่ายทไวไลท์เช้า ถ้าฝนตกเร็วกว่านี้ ตกอย่างหนัก ตอนช่วงแสงทอง เราก็จะอดได้ภาพ (อีกแล้ว) หลังจากที่อกหักจาก Sands Skypark
ความผิดพลาดของวันที่ 2
- เรื่องของการนำขาตั้งกล้องใหม่มาใช้งานเลย โดยที่ยังศึกษาไม่ครบว่าการปรับอะไรหมุนอะไรมันปรับยังไง
จุดเกิดเหตุ : บริเวณ Merlion และสะพาน Esplanade Drive ที่ Marina Bay
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 3 ทไวไลท์ ตอนเช้า
กล้องตัวที่ 1 (Canon 500D + เลนส์
Canon EF-S 10-22MM F/3.5-4.5 USM) ถ่ายที่ระยะ 16mm F18 speed shutter 10s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 06:54
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 3 ทไวไลท์ ตอนเช้า
กล้องตัวที่ 2 (Canon 600D + เลนส์
Canon EF 24-70MM F/2.8L USM) ถ่ายที่ระยะ 50mm F8 speed shutter 2.5s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 06:44
นั่น!! สุดๆ ค่ะ เช้าวันนี้ฟ้าสวยมากๆ ถ้าไม่ได้ภาพ ก็จงโทษตัวเองให้เต็มที่ ฝนไม่ตกเลยค่ะ คิดว่า ได้ภาพมาเต็มที่มาก ในเช้าวันที่ 3 นี้
จุดเกิดเหตุ : บริเวณหน้าช็อปหลุยส์ ที่ Marina Bay
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 3 ทไวไลท์ ตอนเย็น
กล้องตัวที่ 1 (Canon 500D + เลนส์
Canon EF-S 10-22MM F/3.5-4.5 USM) ถ่ายที่ระยะ 10mm F8 speed shutter 6s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 19:34
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 3 ทไวไลท์ ตอนเย็น
กล้องตัวที่ 2 (Canon 5D mark ii + เลนส์
Canon EF 24-70MM F/2.8L USM) ถ่ายที่ระยะ 24mm F8 speed shutter 8s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 19:44
สถานการณ์ของวันที่ 3
- สามารถพูดได้ว่า วันนี้เป็นวันที่เราได้ปันผลจากธรรมชาติเต็มๆ ที่สุด นับตั้งแต่มาถึงสิงคโปร์ ทั้งเช้าและเย็น ช่วยทไวไลท์ ฝนไม่ตกเลย แต่ฝนตกในช่วงบ่ายแทน เป็นช่วงที่เราไปเดินเที่ยวเล่นอยู่ Sentosa และก็ถ่ายทำคลิปเล็กๆ ที่นั่น แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากมาย เพราะฝนก็ตกแบบปรอยๆ มากกว่า สรุปได้ว่า วันนี้ เป็นวันแห้งทไวไลท์เลยก็ว่าได้ค่ะ
ความผิดพลาดของวันที่ 3
- จริงๆ ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าเป็นความผิดพลาดซะทีเดียว อาจจะเป็นความเสี่ยงมากกว่า เพราะก็ไม่ได้พลาดอะไรไปมากมาย คือ เราเดินทางออกจาก Sentosa มายัง Marina Bay Sands สายไปนิดนึง ทำให้มาถึงปุ๊ป ก็ไม่ได้มีเวลามากนักในการละเลียดหามุม แต่ก็ไม่มีปัญหา เพราะ ณ จุดที่เราไปถ่าย หันทางไหน มันก็สวยไปหมดค่ะ ถ้าจะให้สรุป ก็น่าจะเรียกว่า คราวหน้า เราต้องเผื่อเวลามากกว่านี้อีกซักหน่อยนึง สำหรับการ Survey หามุมซักหน่อย เพราะถ้าเราไปที่ๆ ไม่ได้สวยขนาดนี้ มันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ ในการหามุม และอาจจะเสียโอกาสดีๆ ไปก็เป็นได้
จุดเกิดเหตุ : บริเวณ Merlion ที่ Marina Bay
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 4 ทไวไลท์ ตอนเช้า
กล้องตัวที่ 1 (Canon 500D + เลนส์
Canon EF-S 10-22MM F/3.5-4.5 USM) ถ่ายที่ระยะ 17mm F16 speed shutter 8s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 06:52
ภาพที่ดีที่สุดของวันที่ 4 ทไวไลท์ ตอนเช้า
กล้องตัวที่ 2 (Canon 600D + เลนส์
Canon EF 24-70MM F/2.8L USM) ถ่ายที่ระยะ 70mm F8 speed shutter 1/8s ISO100 ถ่ายเวลา(สิงคโปร์) 06:55
ตามกำหนดการ เราจะเดินทางกลับตอนค่ำๆ วันนี้ค่ะ ทำให้เราถ่ายทไวไลท์เย็นไม่ทัน เพราะต้องเตรียมตัวมากมาย และเผื่อเวลาสำหรับการเดินทางกลับ ไม่อย่างงั้น เราอาจจะต้องสวมวิญญาณพุดเดิ้ลอ้วนๆ อีกครั้ง -___-'' เพื่อไปขึ้นเครื่อง ก็เป็นได้ ก็เลยเอาชัวร์ไว้ก่อนค่ะ สำหรับวันนี้ เราจึงได้แค่ทไวไลท์ตอนเช้าเท่านั้น
สถานการณ์ของวันที่ 4
- วันนี้ฝนตกแต่เช้าเลย และก็เกิดความกังวลว่า วันนี้ เราอาจจะไม่ได้ทไวไลท์หรือเปล่า คือฝนมันตกพรำ หนักกว่าปรอยๆ แต่ก็ไม่ได้เทซู่ ขนาดนั้น แต่เราก็ต้องใส่เสื้อฝน ที่น่ารักน่าชัง >< แต่พอมาถึงสถานที่ จุดที่เราถ่าย มันมีหลังคา ให้เรายืนถ่ายที่ใต้หลังคาได้ แต่มันก็หามุมได้ไม่เยอะนัก เพราะเราต้องยืนหันทางเดียว คือหันหน้าออกไปทาง Marina Bay Sands ที่มี Sands Skypark อยู่ เท่านั้น หันซ้าย หันขวาได้อีกนิดหน่อย และท้องฟ้า เมฆเยอะทีเดียวค่ะ พูดไม่ได้ว่า ฟ้าใสจัง แต่ฟ้าก็ยังปราณี ปล่อยแสงสวยๆ ออกมาให้เราได้ถ่ายภาพกัน ภาพช่วงเช้าวันนี้ ได้ภาพที่เป็นท้องฟ้าสีส้ม และซิลลูเอทตัวอาคารมาเพียบเลยค่ะ อิอิ
- อุปสรรคที่เจอในการถ่ายภาพกลางฝนปรอยๆ คือ หยดน้ำฝน ที่ตกมาโดนหน้าเลนส์ อาจทำให้เราเสียเวลาในเช็ดไปบ้าง อย่างเก้าพยายามจะถ่ายน้ำนิ่ง ก็ต้องใส่ Speed ช้าๆ ปรากฎว่า น้ำหยดมา ภาพที่ได้ ก็เลยมีดอกๆ ดวงๆ ต้องถ่ายใหม่ หรืออันไหนพลาดหลุดมา ก็ต้องใช้ PS ช่วยแล้วค่ะ
- และอีกอย่างที่เจอคือ ในระหว่างที่ กำลังหาวว๊อดๆ รอ Speed Shutter (ถ่ายน้ำนิ่ง Speed จะช้า) ในระหว่างที่กำลังจะหุบปาก ก็มีแมลง บินมาแตะที่ลิ้น >< ต้องเสียเวลาช่วงทไวไลท์นั่งเขี่ยแมลงออกจากลิ้น -___-'' คือนอกจากจะมีเม็ดฝนติดที่เลนส์ ยังมีแมลงมาติดที่ลิ้นอีกต่างหาก
ความผิดพลาดของวันที่ 4
- มาถึงวันนี้ คิดว่า เราก็เต็มที่ และปรับตัวได้กับอุปสรรคที่จะเข้ามา ดังนั้นถามว่า วันนี้มีอะไรผิดพลาดมั้ย ก็คงตอบว่า ไม่มีค่ะ ทำเต็มที่ ที่สุดแล้วล่ะ ที่เหลือปล่อยให้ธรรมชาติพาไป ถึงตรงนี้ ทำให้เรารู้ว่า แม้ว่าฝนจะตก ฟ้าก็ยังเกิดทไวไลท์ ถ้าเมฆไม่หนาแน่นเกินไปค่ะ
- อ้อ จะว่าไป ก็ยังมีอุปสรรค เรื่องแมลงติดที่ลิ้นซึ่งแก้ได้ด้วยการหาวปิดปากทุกครั้งค่ะ ^o^ (แม่ก็สอนนะ แต่ไม่จำเอง ><)
ข้อแนะนำเรื่องเวลาทไวไลท์ ที่สิงคโปร์ คือ เท่าที่พวกเราไปมา และสังเกตเห็นคือ ช่วงเวลาที่จะเกิดทไวไลท์ ก็คือช่วงเวลาเดียวกันกับไทยนั่นแหล่ะค่ะ ดังนั้น ถ้าใครจะไปเก็บภาพทไวไลท์แบบนี้บ้าง แนะนำให้ยึดตามเวลาไทยได้เลยสำหรับประเทศสิงคโปร์นะ ถึงแม้เวลาท้องถิ่นของเค้าจะเร็วกว่าเรา 1 ชม. ก็ตาม แต่เวลาของธรรมชาติมันก็ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะประเทศอยู่ใกล้กันมากๆ ค่ะ
ทั้งหมดนี้ที่ผ่านมา ก็เป็นภาพที่ดีที่สุด ของแต่ละช่วงเวลา ของแต่ละกล้อง ของแต่ละคนไปแล้ว มาถึงตรงนี้ ถามว่า ได้ข้อสรุปมั้ย ว่าดวงเกี่ยวอะไรกับการถ่ายภาพหรือเปล่า ได้แล้วแน่นอนค่ะ
ที่นี่ เรามาเลือกภาพที่ดีที่สุด ในหมู่ Super Gallery ของพวกเราดีกว่า เอิ๊กกกกๆๆ วิธีการเลือกของเรา คือ ภาพไหนคะแนนมากสุดชนะ ถ้าเท่ากัน ก็ใช้วิธี เป่ายิงฉุบ -___- น่าเชื่อถืออีกละ
ภาพที่ชนะการคัดเลือกคือ..... ภาพนี้ค่าาาาา ^o^
ทำไมเราถึง Vote ให้ภาพนี้?
1. ฟ้าทไวไลท์ช่วงพีคสุดๆ ได้ แสงทไวไลท์ที่มีสันสวยงามหลาย Shade
2. ได้เรื่องราวในภาพที่สื่อความเป็น Mariba Bay ได้ครบถ้วน
3. ได้ระยะหน้าทำให้เกิดมิติของภาพมากขึ้น
4. ได้เงาสะท้อน เพิ่มเสน่ห์ให้ภาพ
มาถึงตรงนี้แล้ว เราได้อะไรมากมายหลายอย่างจากทริปนี้ ก็ยังแอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้าการเที่ยวของเราในครั้งนี้ เราอยู่สิงคโปร์แค่ 1 วัน แล้วหลังจากนั้นเราไปที่อื่นต่อ เราจะได้ภาพนี้มั้ย สมมติ วันที่เราขึ้น Sand Skypark เป็นวันเดียวที่เราได้ไปสิงคโปร์ แล้วหลังจากนั้น เราต้องไปมาเลเซียต่ออ่ะ เราไม่ได้ภาพนี้แน่นอน เราจะไม่ได้ภาพแสงทไวไลท์เต็มที่ขนาดนี้ หรือก็คิดว่า ถ้าเราขึ้น Sands Skypark ในเย็นวันที่ 2 แทน คงจะสุดๆ ไปเลย เพราะในวันที่ 2 ในความเห็นเก้าคิดว่า แสงทองในเย็นวันที่ 2 สวยที่สุดในทริปแล้วค่ะ แบบนี้ มันอยู่ที่ดวงหรือเปล่า เอ้อ !!
อ่ะ หรือมองกันแบบในทางเลวร้ายที่สุด ก่อนจะมาสิงคโปร์ เราดูพยากรณ์อากาศมา บอกว่า ช่วงที่เราไปอ่ะ ฝนตกทุกวัน ทุกวันเลยนะ สำหรับบางคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย แบบนี้ เราถ่ายรูปไม่ได้แน่เลย แต่ใครจะรู้ว่า ฝนตก ก็ไม่ได้ตกทั้งวัน ไม่ได้ตกเฉพาะช่วงทไวไลท์นะ จริงๆ เก้าก็แอบคิดเล็กๆ ว่า ถ้ามันตกอย่างกรุงเทพ ที่แบบ ตกเย็นที่ไร ฝนต้องตก ตอนกลางวันก็ร้อนตับแล่บ ถ้าเป็นแบบนี้ เราน่าจะได้ถ่ายรูปไม่ได้หรือเปล่า แต่จากการที่เราออกถ่ายรูปบ่อยๆ ก็ทำให้รู้ว่า อืม.. มันไม่ได้ตกตลอดๆ หรอก แล้วอีกอย่าง ฟ้าที่ผ่านฝนตกมา เราจะได้แสงทไวไลท์ที่แปลกตาด้วยซ้ำค่ะ
มาสรุปกันดีกว่า !!
หลังจากไปทริปพิเศษ เพื่อพิสูจน์ว่า "รูปที่ดี บางทีต้องมีดวง" จริงหรือเปล่า ก็ขอตอบว่า
จริง !!!
แต่ดวงที่ว่านี้ ไม่ใช่ดวงแบบพวก ดวงชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตเป็นไปอะไรพวกนี้ หรืออะไรที่เป็นทางสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น
แต่ ดวง ในที่นี้ คือเรื่องของ
ความน่าจะเป็น (Probability) ยิ่งไปซ้ำที่เดิม
เรายิ่งมีโอกาสได้เจอแสงสวยๆ จังหวะดีๆ
ลองคิดดู ถ้าเรามาที่ Marina Bay แค่วันเดียว
แล้วเป็นวันที่ฝนแตกแบบวันแรกที่เราขึ้น Sand Skypark ล่ะ
เราจะได้แสงสวยๆ แบบวันถัดไปหรือเปล่า...เราก็คงบอกกับตัวเองว่า
เราทำดีที่สุดแล้ว ธรรมชาติกลั่นแกล้ง เราดวงไม่ดี... T_T
แต่จริงๆแล้ว เราสามารถเพิ่มโอกาสในการได้แสงสวยๆ ฟ้าสวยๆ ได้ด้วยการไปบ่อยๆ ซ้ำๆ เพิ่มความเป็นไปได้ให้มากขึ้น ที่เราจะได้จังหวะดีๆ กะเค้าบ้าง
เราไม่รู้หรอกว่า รูปที่เราเห็นเค้าถ่ายได้สวยๆ น่ะเค้าไปสถานที่นั้นมากี่รอบ
ดังนั้น อย่าเพิ่งท้อแท้ โทษดวงชะตา สิ่งที่จะเพิ่มความเป็นไปได้ให้เรามีอะไรบ้าง
1. การฝึกฝน พอกพูนประสบการณ์ให้มากขึ้นเรื่อยๆ พอที่จะรับมือ กับแสงทองที่ธรรมชาติจะให้เราได้ (เหมือนตุ๊กๆ ที่รู้วิธีบริหารจัดการเงินล้าน ก็จะไม่จนอีกต่อไป รักษาเงินล้านไว้ได้) อย่างการที่เราคิดไม่ทัน ในการแก้ไขปัญหา นั่นก็เพราะเราขาดประสบการณ์ ที่จะทำให้เราตัดสินใจ และคิดได้อย่างรวดเร็ว
2. การไปสถานที่นั้นซ้ำๆ บ่อยๆ ก็จะทำให้เรามีโอกาส ได้ภาพจังหวะดีๆ มากขึ้น เพราะเราไปบ่อย เรารู้แล้วว่า เราต้องไปยืนตรงไหน มีมุมไหนสวยอีกๆ จงเป็นนักสำรวจ !! อย่าขี้เกียจ ค่อยขยับหามุม แล้วความสวยของภาพ มันจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ จากได้มาสวยไม่กี่ภาพ ก็อาจจะได้ภาพสวยๆ มากขึ้นๆ เรื่อยๆ หรือการไปซ้ำๆ เราก็อาจจะไม่ต้องไปซ้ำมากก็ได้ อย่างคุณ Tonnaja เค้าไป 2 วัน ได้ภาพสวยโฮกขนาดนี้ ในขณะที่พวกเราไป 4 วัน ก็ได้ภาพมาประมาณนึง
3. การทำการบ้านอย่างดี กับสถานที่ๆ เราจะไป เรียนรู้ทั้งภูมิประเทศ และภูมิอากาศ จะทำให้เราเจอปัญหาน้อยลง เพราะเราเตรียมตัวมาอย่างดี
ดังนั้นอยากบอกว่า อะไรที่เราควบคุมมันไม่ได้ ก็ปล่อยให้มันเป็นไป แต่เราทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด ถ้าในส่วนของเราทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือก็ต้องเข้าใจให้ได้ว่า ธรรมชาติ คือธรรมชาติ ควบคุมไม่ได้ พัฒนาไปเรื่อย อย่าหยุด เหมือนหนูที่หาชีสอยู่ตลอดเวลาไม่เคยตัดพ้อต่อว่า ว่าไม่มีชีสให้กินเลย มันก็หาของมันต่อไป และมันก็ได้กินชีสไปเรื่อยๆ บางที เรามารู้ตัวอีกที ภาพของเรา ก็ได้รับคำชมมากมาย อาจจะได้ไปปักหมุดอยู่ใน Super Gallery ของ Pixpros ซักวันนึงก็ได้
และที่สำคัญที่สุดของที่สุดคือ..... ขอยืมคำพูดของพี่ Dust Pixpros หน่อยละกันค่ะ
"ขอให้มีความสุขกับการถ่ายรูป" นะคะ
..... จบทริปอย่างสมบูรณ์ ..... โดยปกติ ก็จะต้องมี End Credit ในหนัง เราขอมีบ้างอิอิ ^o^
เผื่อใครอยากจะตามรอยพวกเราบ้างนะคะ โฮะๆๆ แอบหวัง ^o^ ก็จะนำแผนที่มาให้ดูกันเลยว่า จะได้ภาพแบบนี้ เราไปตรงไหนมาบ้าง เป็นการบ้านให้นักสำรวจได้ทำก่อนออกเดินทางค่ะ
ขึ้น Sand Skypark ที่ Marina Bay Sands
เราก็ลงสถานีรถไฟฟ้า Promenade แล้วเดินต่อไป ข้ามสะพานจนไปถึง Marina Bay Sands
ขึ้น Sands Skypark ก็จะได้ภาพประมาณนี้ ถ้าหยิบเลนส์ไปเหมาะสม อิอิ ^^
ขอแอบแซมภาพที่ตกรอบมาให้ดูกันค่ะ
Fisheye บนกล้อง 5D mark ii ถ่ายตอน 18.05 ซึ่ง ฟ้ายังสว่างโร่อยู่เลย ถ้าเป็นกรุงเทพ พระอาทิตย์ก็จะตกอยู่แล้ว ภาพ Original แทบจะไม่มีสีเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ จับทำขาวดำ ให้มันรู้แล้วรู้เรื่องไป เดี๋ยวจะหาว่าเราถ่ายภาพมาทำรางวัดที่ดิน ; P
Canon 600D + เลนส์ 70-200mm F2.8L ISii USM ระยะโฟกัส 70 mm. เอิ่ม ดูไปดูมา ยังอดคิดไม่ได้ว่า ครูจัดองค์ประกอบได้ไง มันดูน่าจะยากนะเนี่ย
การขึ้นไปที่สูงแล้วใช้เลนส์ Tele ส่องลงมา ทำให้เราได้ภาพอีกแบบนึง ซึ่ง... การที่ใช้เลนส์ตัวนี้น่าจะเกิดจากแรงบันดาลใจจากคำพูดของพี่ RBJ ว่า "ที่กว้างๆ ใช้เลนส์แคบๆ ที่แคบๆ ใช้เลนส์กว้างๆ" O_o แต่มันก็โอเคอ่ะนะ ถ้าเปลี่ยนเป็นเลนส์อื่นบ้างไรบ้าง แต่จะว่าไป เก้าชอบการสื่อความหมายภาพนี้นะ ถ้าสังเกตให้ดู จะเห็นสิงโตพ่นน้ำเล็กจิ๋วอยู่ด้านล่างของภาพ ทำให้เรารู้ว่า สิงโตจิ๋วขนาดนี้ คุณอยู่บนที่สูงมากแน่นอน และมุมนี้ อยู่บน Sands Skypark แน่นอนไม่โกหก อิอิ ครูไม่เคยทำให้ผิดหวัง
จัดไปเลย 70-200 บนกล้องตัวคูณ ขนาดถ่ายที่ 70mm นะเนี่ย ดูระยะสิ
ดูไปดูมาเหมือนถ่ายตึกใบหยกปะ
จริงๆ คิดว่า ก็ไม่เห็นต้องเสียดายหรือเปล่า เพราะว่า ยังไง ฟ้าก็ไม่สวยอยู่แล้วป่ะ ?
เอาเลนส์มา Tele พลุซะงั้น แต่ไหนๆ ฟ้าก็ไม่ได้สวยมาก ก็เอางี้ล่ะ ><
จุดงานอะไรก็ไม่รู้ค่ะ
เก็บภาพไป นี่ถ่ายที่ 70mm ตลอดเลยนะ แต่เพราะอยู่บนกล้องตัวคูณ ก็เลยดูใกล้ชิดมากขนาดนี้...
ออกจะใกล้ชิดไปหรือเปล่า
ดูอะไร ซูมๆ มาเยอะแล้ว คราวนี้ มาดูกล้อง Canon 500D + เลนส์ 10-22 และ Fish Eye ดูกันแบบไกลๆ ภาพรวมกันบ้าง
ภาพนี้ใส่ Fish eye เข้าไปบนกล้อง 500D ซึ่งเป็นกล้องตัวคูณ รู้สึกว่าไม่ค่อยโค้งเท่าไรเนอะ ภาพนี้รอจังหวะพระอาทิตย์โผล่มาแป๊บนึง ก็กดไปเลย จากนั้นพระอาทิตย์ก็หายไปในเวลาไม่กี่นาทีถัดไป
ภาพนี้ตอนถ่ายไม่รู้ ดูไม่ออกว่าเกิด Twilight ขึ้นแล้ว ภาพ Original มาค่อนข้างจะไม่มีสีสันเท่าไร กลับมาดูถึงรู้ว่ามันเป็นช่วง Twilight แล้ว
ยืนจ้องอยู่มุมนี้มุมเดียว กดไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่า Twilight เกิดขึ้นหรือยัง เป็นช่วงที่สวยที่สุดหรือยัง ดูไม่ออกเลย เพราะเมฆฝนเยอะมาก มองยาก เลยถ่ายมันไปเรื่อยๆ พลุนี่อยู่ดีๆก็จุดขึ้นมาเลยได้เก็บภาพไว้
จบด้วยภาพนี้สำหรับบน Sand Skypark
เช้าวันที่ 2 เรามาถ่ายกันที่หน้า
Merlion ที่ Marina Bay เพื่อเก็บทิวทัศน์ รอบๆ Marina bay sands ด้วย
จุดที่เราถ่ายรูปอยู่ตรงนี้
เราลงรถไฟฟ้าที่สถานี Raffles Place จากนั้นก็เดินตัดห้าง Sa Sa แล้วก็ขึ้นสะพานลอยที่เชื่อมกับห้างไปลงอีกฝั่ง แล้วเดินขึ้น
เราก็เดินเลาะๆไป ตอนมืดๆ มองยากอาจจะมองไม่เห็น ก็ลองดูเส้นทางตามนี้ เลาะรอบอ่าวไปเรื่อยๆ
Twilight เริ่มประมาณ 6 โมง - 6 โมงครึ่ง (ปกติ Twilight เช้าในไทยจะเริ่ม ตี 5 - ตี 5 ครึ่ง)
เอาภาพตกรอบมาฝากกันอีกค่ะ
ถ้ามาก่อน 6 โมงครึ่งจะสามารถเก็บน้ำเรียบๆ ได้ เพราะเค้ายังไม่เปิดน้ำที่ Merlion
หลัง 6 โมงครึ่งเค้าก็ถึงเริ่มเปิดน้ำจาก Merlion
เช้าวันนี้ได้ Twilight ค่อนข้างดี มีเมฆมาทำให้ท้องฟ้าไม่เรียบจนเกินไป
แต่หลังจากจบ Twilight ได้แป๊บเดียวสิ เห็นเมฆฝนไหม คงเดาๆกันได้ใช่ไหมว่าฝนน่าจะตกแรงขนาดไหน
มาดูแบบเลนส์ช่วง Normal กันบ้าง
บางทีเลนส์ช่วง Normal อย่าง 24-70 บนกล้อง 600D ก็ดูจะเหมาะกับการจัดองค์ประกอบที่ Marinay Bay เหมือนกันนะ
ก็จัดองค์ประกอบกันไป ถ้าตั้งใจจะถ่ายถ้วย ก็ลองถ่ายหลายๆ องค์ประกอบดู
พอใกล้หมดช่วง Twilight แล้ว แสงพระอาทิตย์จะแรงมากขึ้น ก็จะทำให้ Marina Bay sands กลายเป็นเงาดำซิลลูเอทได้เลย
Twilight ที่
สะพาน Helix เพราะเป็นสะพานที่สวยงาม ติดอันดับ 1 ใน 10 สะพานที่สวยที่สุดในโลก
เราลงรถไฟฟ้าที่ Promenade แล้วเดินไป
จุดที่เราถ่ายรูปก็ประมาณนี้
มาถึงก่อน Twilight นิดหน่อย ก็เดิน Survey และเก็บภาพไปบ้างเป็นการ Warm up
เป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อม Marina Bay ให้ครบรอบ
ก็จะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายที่นี่ด้วย (จริงๆเค้าคงวิ่งรอบ Marina Bay นั่นแหละ)
คนวิ่งกันเยอะมาก
เนื่องด้วยสะพานมีรูปร่างหน้าตาแปลกๆ แบบนี้ ก็เลยมีเส้นให้เราเล่นได้เยอะเหมือนกัน
Twilight จะเริ่มอยู่แล้ว รอพระอาทิตย์ตกซะหน่อย
เริ่ม Twilight ตอนเย็นวันที่ 2 หน้าสะพาน Helix ด้วย Canon 500D + 10-22mm
ตอน 19.23 ท้องฟ้าสวยมาก เกิดสีชมพูขึ้นที่ท้องฟ้า (จุด A)
19.25 ผ่านไป 3 นาที สีชมพูเริ่มหายไปแล้ว ไม่น่าเชื่อใช่ไหม!
19:36 ตอนนี้ฟ้าบลูไปเรียบร้อยแล้ว (จุด B)
19:41 มุมมาตรฐานของสะพานเฮลิกซ์ (จุด C)
มาถึง Canon 600D + 24-70mm F2.8 เริ่มถ่ายวอร์มอัพกันก่อน รอ Twilight
19:17 ภาพนี้ได้ท้องฟ้าเป็นสีชมพูเลย แต่... องค์ประกอบค่อนข้างจะอึดอัดไปหน่อย หัวของ Marina Bay sands เกือบจะหลุดเฟรมอยู่แล้ววววว (ภาพนี้ถ่ายช่วงเวลานี้มาแค่ภาพเดียว พอวิ่งไปจะจัดองค์ประกอบให้กว้างขึ้น สีชมพูก็หายไป)
19:19 ฟ้ายังคงชมพูอยู่ เก็บภาพตามรายทางที่วิ่งไป
19:23 สีชมพูหายไปเยอะเลย ฟ้าเริ่มบลู
19:27 ฟ้าบลูไปแล้ว เก็บภาพทั่วไปจนกว่าฟ้าจะดำ
19:30 ภาพนี้ขอ White Balance ตรงที่ Science Museum ซะหน่อย
หันไปหันมาอยู่ตรงถ้วยนี่หลาย short
19:40 กลับมาองค์ประกอบมาตรฐาน
19:46 หลังกล้องฟ้าดำไปแล้ว แต่พอดึงฟ้า Blue กลับมาได้ด้วย White Balance แบบ Tungsten light (ไม่แน่ใจที่ดึงกลับมาได้เพราะไปคืนพระจันเกือบๆ เต็มดวงหรือป่าว ท้องฟ้าสว่างพอสมควร)
ภาพตกรอบต่อไปนี้ เรายังคงกลับมาเก็บที่ Merlion พ่นน้ำอยู่ค่ะ
ภาพนี้ Canon 500D + 10-22
6:42 ฟ้าวันนี้เมฆน้อย ฟ้าเคลียร์ ถ่ายที่ 10 ดูห่างเหมือนกัน.. อยากได้เงาสะท้อนเต็มๆกว่านี้หน่อย
6:46 ซูมเข้ามาที่ 22 เก็บเงาสะท้อนด้วยกฎ 2 ส่วน (บัญญัติเอง)
6:49 เก็บ Merlions พ่นน้ำในมุมที่เห็นแสงพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายที่ 10 หัว merlion เบี้ยวๆ มาดัดกลับด้วย Photoshop แต่ก็ยังคงความเบี้ยวผิดรูปไว้นิดหน่อย
6:50 หันมาถ่าย Merlion ทางด้านนี้บ้าง จะได้เห็น Marina Bay Sands ข้อสังเกตุสำหรับการถ่ายด้วย 10-22 ถ่ายด้วย 10 ถ้าคิดจะดัดกลับให้ตรง ต้องถ่ายเผื่อ space ที่จะ crop ทิ้งด้วย ไม่งั้นเวลาดัดกลับอาจจะดูชิดติดขอบภาพมากไป
6:51 ถ่ายที่ 10 เหมือนเดิม แต่่ถ่ายให้ไกลขึ้น ภาพ Original มี Space เหลือพอให้ดัดกลับ และตัดทิ้งพอสมควร ทำให้ภาพไม่ดูอึดอัดไป
7:01 ถ่ายจากสะพาน Esplanade Drive จากนั้นก็หันไปถ่าย Marina Bay Sands ซึ่งตอนนี้ Twilight กำลังหมดไปแล้ว
ต่อมา กล้อง Canon 600D + 24-70 F2.8
6:38 ทางทิศโรงละคร Esplanade แสงอาทิตย์เริ่มมาแล้ว ภาพนี้ด้วยความที่ 24-70 เป็นเลนส์ Normal มันเลยไม่บิดเบี้ยวซักเท่าไรถ้าเทียบกับเลนส์ 10-22
6:54 พระอาทิตย์กำลังขึ้น มุมนี้เกือบๆ เหมือนมุมของภาพแรกของกล้องตัวนี้ แต่ถอยออกมาหน่อยนึง เก็บสีหวานๆ ของช่วงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งใกล้หมด Twilight เต็มที
6:59 สิ้นสุด Twilight แล้ว พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น...
ต่อด้วย Twilight ช่วงเย็น
เราเลือกมาถ่ายกันที่
หน้ากล่องหลุยส์ Location นี้บอกกันไว้ก่อนเลยว่า ถ้าใครจะมาถ่าย ให้ Start ตรงกล่องหลุยส์เลย ไม่ต้องไป Start จากตรงเริ่มต้นใกล้สะพานเฮลิกซ์ เพราะ Location ตรงกล่องหลุยส์สวยกว่าเยอะมาก แต่งานนี้เราไม่รู้ เราเลยเริ่ม Start กันตรงใกล้สะพานเฮลิกซ์... กว่าจะได้ภาพกล่องหลุยส์ก็เกือบจะหมดช่วง Peak ของ Twilight แล้ว
นี่คือจุดที่เราถ่าย
เราเดินเลาะๆ บนไม้ตามเส้นแบบนี้
เริ่มกันเลยกับกล้องตัวแรก Canon 500D + 10-22
19:20 เป็นช่วงที่ Twilight สวยมากๆ ซึ่งทำไมถึงมีสีชมพูทางด้านทิศตะวันตกก็ไม่รู้
19:21 อยากเก็บ movement เบลอ ก็ต้องรอให้คนเดินผ่านกันหน่อย
19:27 ตอนนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปแล้ว สีชมพูๆ ที่ได้เห็นเมื่อกี้หายไปอย่างรวดเร็ว
19:29 ตอนนี้ฟ้าบลูไปหมดทุกทิศแล้ว
19:36 ฟ้าเริ่มมืดแล้ว
19:44 ภาพกล่องหลุยส์สุดท้ายก่อนฟ้าจะมืด
มาดูกล้อง Canon 5D mark ii + 24-70 F2.8 กันบ้าง
19:28 ภาพนี้กับภาพด้านล่างถ่ายเผื่อเลือกว่าภาพไหนโอเคกว่ากัน
19:31 หันกลับมาถ่ายทางด้านโรงละคร Esplanade ด้วยความที่อยากเก็บฟ้า Twilight ทางด้านพระอาทิตย์ตก หวังว่าจะได้ท้องฟ้าสีสวยๆ
19:33 เผลอแป๊บเดียว ฟ้าบลูไปเรียบร้อยแล้ว ภาพนี้กับภาพด้านล่าง ถ่ายเผื่อเลือกว่า จะให้ติดกล่องหลุยส์มาก หรือให้ติดตัวเมืองมาก
คิดว่าภาพบนกับภาพล่างอันไหนสวยกว่ากัน?
19:36 ยังวนเวียนกันอยู่ที่หน้ากล่องหลุยเนี่ยแหละ
ถ้าเจอมุมที่ชอบแล้วลองถ่ายไปเรื่อยๆ ขยับทีละนิดๆ ถ่ายเยอะๆ อาจจะได้มุมที่เราไม่คิดคิดมาก่อนก็ได้ เพราะภาพถ่ายเหลี่ยม เส้น เงา ขยับกันนิดเดียว ทำให้อารมณ์ภาพเปลี่ยนกันไปได้เลย
19:47 ภาพสุดท้ายของ Twilight ตอนเย็นวันที่ 3 ที่หน้ากล่องหลุยส์
บอกได้เลยว่า ถ่ายภาพตรงนี้สนุกมาก มีอะไรให้ได้ตระการตามากมาย จริงๆหลังจากหมด Twilight แล้วยังถ่ายกันต่อจนถึงการแสดงเลยแสงเลเซอร์เลย เพราะติดใจบริเวณนี้กันมาก ตรงนี้เป็นมุมที่ถ้ามีโอกาศได้กลับมาอีก คงต้องขอมาซ้ำที่มุมตรงนี้อีกรอบ
เช้าวันสุดท้าย เป็น Twilight สุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับ เราก็คิดกันว่าอยากได้ภาพมุมอื่นบ้างนอจากหน้า Merlion เลยเลือกมุมตรงด้านหลับ
The Fullerton Bay
ธรรมชาติไม่เป็นใจเลย ฝนตกตลอด Twilight ทำให้ได้มุมไม่มี ได้รูปมาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น นี่ยังโชคดี ตรงที่ถ่ายรูปมีหลังคา เลยสามารถถ่ายได้
เราถ่ายกันอยู่แถวๆนี้
Twilight เช้าวันสุดท้ายของกล้อง Canon 500D + 10-22 เริ่มต้น
6:42 สีน้ำเงินด้านบนๆของภาพคือกลุ่มเมฆฝน ซึ่ง ถึงฝนจะตก Twilight มันก็ยังเกิด แต่จะสวยหรือไม่สวยอันนี้อีกเรื่อง
6:52 ภาพนี้กางร่มถ่ายกันเลยทีเดียว จะได้ไม่ติดราวด้านหน้า
ภาพนี้เป็นภาพ HDR จะเรียกว่า HDR Fail ก็ว่าได้ เพราะมันไม่สวยเอาซะเลย มันให้อารมณ์ เหมือนตัดเอาสนามม้าราชตฤณมัยมาแปะไว้หน้า Marina Bay Sands เฮ้อ ดูแล้วปวดตับจริงๆ -___-
มาถึงกล้อง Canon 600D + 24-70 F2.8
6:55 ภาพนี้จะว่าไป เพราะได้เลนส์ที่ซูมเข้าไปได้ เลยทำให้ดูเหมือนได้ท้องฟ้า Twilight แบบปกติ ถ้าเทียบกับภาพที่ถ่ายด้วย 10-22 จะเห็นว่า ด้านบนขึ้นไปเป็นเมฆทั้งก้อนเลย
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ภาพนี้ไม่ได้ทำ HDR แต่เพราะกล้อง 600D มันดีกว่ากล้อง 500D หรือยังไงก็ไม่รู้ เลยได้ภาพที่ไม่เป็นซิลลูเอท โดยไม่ต้องไปทำ HDR
ภาพสุดท้าย จริงๆถ่ายเอาไว้เล่าเรื่องว่าเราเจอฝน แต่เห็นแสงสวยดีเลยเลือกภาพนี้มาด้วย
ภาพทั้ง set ก็มีอยู่ประมาณนี้ อ่านดูแล้วคิดเห็นกันอย่างไร ภาพที่เราคิดว่าสวยที่สุด สวยในสายตาคุณหรือป่าว comment กันไว้ได้นะ
บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคนที่ถ่ายรูปเก่งๆ เค้าถึงถ่ายได้สวยมากๆ เค้ามีเคล็ดลับอะไร
คุณ CooLBieRe เคยเขียนเอาไว้ว่า
"เค้าก็รู้เท่าๆ กับทุกๆ คนแหละ
จุดตัดเก้าช่อง กฎ 3 ส่วน เงาสะท้อน ฯลฯ
แต่สิ่งที่ทำให้เค้าถ่ายรูปได้ดีคือ การไปที่เดิมซ้ำๆ เพื่อรอเก็บแสงสวยๆ
และโอกาสดีๆ"
หวังว่า Tip ถ่ายรูปครั้งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เรามีความพยาม และ เข้าใจธรรมชาติกันมากขึ้นนะ