รีวิว TG Boeing 777-200ER บินไปเกาหลี
หลังจากรู้ว่าจะไปทำคลิปพาเที่ยวเกาหลีกัน พวกเราก็เริ่มเลือกเวลา โดยมาตกลงปลงใจกันในเดือน พ.ค. ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ผลิของเกาหลี ช่วงก่อนเดินทางสัก 2-3 เดือน เราก็เริ่มภารกิจจองตั๋วเครื่องบินได้ละ
เมื่อสมัยทริปญี่ปุ่นเราเคยจองตั๋วก่อนนานข้ามปีเลย เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ไปวันที่ต้องการ หลังจากทริปนั้น เราก็เข้าไปส่องในเว็บสายการบินต่างๆเรื่อยๆ สายการบินมักจะมีตั๋วลดราคาปล่อยออกมาเรื่อยๆ แล้วไปบินในอีก 1-3 เดือนข้างหน้าไรงี้
ตอนหลังเราเลยจองใกล้ๆบินประมาณ 2-3 เดือนล่วงหน้า ซึ่งสายการบินเขาก็ออกโปรมาจริงๆด้วย
แต่ถ้าใครได้ไปงานท่องเที่ยวจะจองในงานก็ได้ เพราะเพื่อนเราเล่าให้ฟังว่า จองในงานได้ตั๋วพร้อมที่พัก บวกลบคูณหารแล้วก็ได้ตั๋วราคาถูกเหมือนกันจ้า อันนี้ก็แล้วแต่วิธีการของแต่ละคนอะนะ
วิธีของเลือกสายการบินของเรา เราเริ่มจาก List ชื่อสายการบินทั้งหมดว่ามีสายที่ไหนบินไปเกาหลีบ้าง จากนั้นก็ List สิ่งที่เราต้องการจากสายการบินนั้นๆออกมา แล้วค่อยๆตัดช้อยสายการบินออกไปทีละข้อ
- สายการบินที่บินตรงเกาหลี และเป็น Low cost คือ Tway, Jeju Air, Jin Air (3 สายการบินนี้ เป็นสายการบินของเกาหลีเขาเลย) , Business Air (อันนี้เป็นของไทย)
- ส่วนสายการบิน เป็น Low cost ที่ต้อง Transit คือ Airasia
- สายการบินที่บินตรงเกาหลี และไม่ใช่ Low cost airline เราจะได้นั่งเครื่องใหญ่ คือ Korean Air, TG, Asiana Airlines
- และสายการบิน ที่ไม่ใช่ Low cost และต้อง Transit คือ Cathay Pacific, Air China, Air Macau, China Eastern, Eva Air, Singapore Airline
สำหรับพวกเราเวลาเลือกสายการบิน เรามีเงื่อนไขอยู่ตามนี้
1. ราคาถูก
2. บินตรง เพราะขี้เกียจรอเปลี่ยนเครื่อง เราจะเสียเวลาไปเปล่าๆประมาณ 2-3 ชม.
3. เครื่องใหญ่ นั่งสบาย ยืดขาได้เยอะหน่อย เพราะพี่ฉิมเขาทั้งหลังและขายาว ไม่อยากให้นั่งขดอยู่ 5 ชม.
4. อยากไปถึงเช้าสุด กลับดึกสุด ไม่อยากนอนบนเครื่องแล้วไปเช้าที่เกาหลี มันจะเที่ยวแบบเพลียๆ ทำให้ทริปไม่สนุก
มีการให้ Priority เรื่องเงินก่อน เลยไปดู Low cost ก็เลยโทรไปถามแต่ละสายการบินว่า ถ้าจะไปช่วงพ.ค. ราคาตั๋วเท่าไหร่คะ และผลที่ออกก็คือตามตารางนี้ ดูแล้วตัดช้อยออกได้เกือบหมด เหลือแค่ TG กับ Cathay ซึ่งราคาสูสีกัน แต่มาแซงกันตรงโค้งสุดท้ายคือ บินตรงกับ transit เนี่ยหล่ะ TG เลยเข้าเส้นชัยไปสำหรับทริปเกาหลีครั้งนี้จ้า
ขึ้นเครื่องมาแล้ว ตามหน้าตั๋วของเราเครื่องที่เราขึ้นเที่ยวไป จะเป็นเครื่อง Boeing 777-200ER แต่ตามหน้าตั๋วจะเขียนว่า 777-200/300 โดยจุดหมายของเครื่องนี้จริงๆคือไป Los Angeles แต่แวะที่เกาหลีก่อน
เจ้าเครื่อง 777-200ER บินในเส้นทาง โจฮันเนสเบิร์ก, ออสโล, โอ๊กแลนด์, เมลเบิร์น โอซาก้า และ ลอสแองเจลิส เป็น route ยาวๆซะส่วนใหญ่
พี่ฉิม ผู้หลงใหลในการยกเวจที่ฟิตเนส ก็มาปล่อยพลังที่สะสมมาด้วยการยกกระเป๋าหนักๆขึ้นไปเก็บไว้บนชั้น -..- และก็เผื่อแผ่ไปยกให้ผู้สูงอายุที่นั่งใกล้ๆด้วย ช่างเป็นผู้ชายที่มีจิตใจงดงามจริงๆ -..-
ตรงนี้คือที่นั่งที่เราจอง เป็นชั้น Economy อยู่ประมาณแถวที่ 3 ใกล้กับห้องน้ำ เป็นรีเควสของแม่ เพราะแม่คิดว่าอาจจะลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยจะได้เดินไม่ไกล
พวกเรา 3 คนมี พี่เบญ พี่เก้า และพี่ฉิม นั่งแถวเดียวกัน และให้แม่นั่งริมทางเดินของอีกแถวนึงที่ต่อจากแถวที่นั่งของพวกเรา
มาดูที่นั่งของเราบ้าง เขาจะเป็นเบาะสีๆสดใสสียังกะลูกอม เห็นตอนแรกนี่ชอบมากเลยเพราะมันได้ฟีลความสดใสของการออกเดินทางจริงๆ ตามความรู้สึกเราเราว่าเก้าอี้เขานั่งสบายดีนะ เพราะตัวเบาะนิ่มและหุ้มด้วยผ้านิ่มๆ
ความห่างระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลัง ก็กำลังดีนะ สำหรับเราถือว่าไม่แคบเลยหล่ะ และเราสามารถดึงที่วางเท้าจากเบาะหน้าลงมาได้ มันจะทำให้เรานั่งยืดขาได้สบายมากขึ้น
ความกว้างของพื้นที่เรา สำหรับคนขาสั้นๆ เอ้ย คนไม่สูงมากแบบพี่เบญ (สูงประมาณ 155 ซม.) มีที่เหลือให้ยืดขาได้อีกเยอะเลย ส่วนใต้ที่นั่งเบาะหน้าก็สามารถสอดกระเป๋า handbag ของเราเข้าไปได้ด้วย
และสิ่งที่เขาวางเตรียมไว้ให้บนเบาะเรียบร้อย คือหมอนบินไทยอันนี้นุ่มดี กะว่าจะฝากฝังการนอนไว้กับเจ้าหมอนนี่หล่ะ ขอนอนยาวไปถึงเกาหลีเลย
อีกอันคือผ้าห่มสีม่วง อยู่ในห่อซีลเรียบร้อย พอลองแกะใช้ดู เนื้อผ้าห่มมันนุ่มนิ่มมากเลย และไม่มีกลิ่นอะไรแปลกๆด้วย สามารถใช้ได้อย่างสบาย เราก็เลยได้ใช้ทั้งผ้าห่มและหมอนในการนอนตลอดทริปเลยหล่ะ
ยัง! ยังไม่หมดแค่นี้ ที่เครื่อง Boeing 777-200ER ยังมีอุปกรณ์ฆ่าเวลาระหว่างบินไฟลท์ยาวๆ สำหรับผู้ที่ยังไม่ง่วง เขามี PTV ไว้บริการเราด้วย เราสามารถกดดูหนัง ฟังเพลงได้ตลอดจากจอนี้
เขาจะมีหูฟังให้ แล้วก็มีรีโมทไว้ใช้เลือกหนังหรือเพลงที่เราอยากจะดู
รีโมทจะเก็บไว้ข้างๆที่วางแขนแบบนี้ ถ้าจะใช้ก็กดปุ่มสีเทาๆ รีโมทก็จะเด้งดึ๋งออกมา
และไม่ต้องกลัวว่า เพื่อนข้างๆจะแอบดูหนังที่เรากำลังดูอยู่ เพราะเขาทำจอให้เวลาชำเลืองดูก็จะมองไม่เห็นจอคนข้างๆ ยกเว้นว่าจะชะโงกหน้าไปให้ตรงกับจอเพื่อนถึงจะเห็น อย่างตอนนี้พี่เบญอยากรู้จุงเบยว่า เอ๊ พี่เก้าดูหนังเรื่องไรอยู่นะ พอหันไปดู เราก็เห็นเป็นเงามืดๆไป จะเห็นชัดแค่จอตัวเองเท่านั้น
บินไปสักพักนึง แอร์บินไทยก็เดินมาแจกความมันให้กับผู้โดยสาร หรือเรีกอีกอย่างว่า แจกถั่ว นั่นเอง พร้อมกับน้ำผลไม้เช่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ ที่เราเลือกมาคือน้ำส้ม กับน้ำแอปเปิ้ล เอามากินกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบซองนี้ รู้สึกสดชื่นขึ้นมากและก็อร่อยด้วย เหมือนน้ำแอปเปิ้ลมันจะช่วยให้หายจากความเพลียได้ดี และกินถั่วแกล้มมันก็ได้ความเพลิดเพลิน
เราเลยขอเบิ้ลน้ำแอปเปิ้ลไปหลายแก้ว แอร์เขาก็เอามาเสิร์ฟให้ตลอด เรื่องถั่วกับน้ำแอ้ปเปิ้ล เลยการเป็นความประทับใจเล็กๆของพวกเราในการเดินทางครั้งนี้ไปเลย
หลังจากแจกความมันให้ผู้โดยสารเรียบร้อย ประมาณครึ่ง ชม. ก็มีอาหารฟูลคอร์สมาเสิร์ฟล่ะจ่ะ สำหรับคนปกติที่ไม่ได้แพ้อะไร หรือเป็นพวกทานมังสวิรัต เขาจะมีเมนูมาให้เลือก 2 แบบ
อันแรกคือ ชุดหมูเกาหลี หน้าตาแบบนี้ สำหรับคนไทยอาจจะรู้สึกว่าออกจืดๆหน่อย ก็เข้าใจได้เพราะบนเครื่องมีทั้งไทยและต่างชาติ ถ้าทำรสจัด ชาวต่างชาติอาจจะทานไม่ได้ ถ้าใครเป็นคนติดเค็มต้องเพิ่มด้วยการโรยเกลือที่เขาใส่ซองมาให้ พี่เก้าโรยเกลือเข้าไปหน่อย รสชาติโอเคขึ้นเยอะ หมูนุ่มดี และมีติดมันน้อย
อีกชุดเป็นข้าวมัสมั่นไก่ เห็นอย่างงี้เหมือนจะรสเข้ม แต่จริงๆไม่เผ็ดไม่เค็มเท่าไหร่ เลยโรยเกลือเล็กน้อยเพื่อความอร่อย ไก่เนื้อนุ่มอีกเช่นกัน
และสิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ ความหลากหลายของของกินที่มาในถาด เพราะนอกจาก Main dish แล้วยังมีขนมปัง, สลัด ขนมหวาน ซึ่งขนมอันนี้อร่อยมาก คล้ายๆข้าวต้มมัดไส้กล้วย, น้ำผลไม้ และสามารถขอชา หรือกาแฟทานตบท้ายได้ด้วย
สำหรับมื้ออาหารบนเครื่อง TG ในความรู้สึกเรา เราชอบนะอาหารอร่อยและหลากหลายดี เป็นมื้ออาหารเล็กๆแต่อิ่มมากกกกระหว่างการเดินทางไปเกาหลีของเรา
แม่ของเราดูจะแฮปปี้ กับ TG แล้วหล่ะ แม่บอกว่าคราวหลังพามานั่งแบบนี้อีกนะลูกกกกก
หลังจากทานกันอิ่มเรียบร้อย ก็ได้เวลาทำกิจกรรมซ่อนตาดำกัน นั่นก็คือ การนอนหลับพักผ่อนน่ะเอง ตามกำหนดการของเรา บินจากกรุงเทพตอน 13.40 น. เราจะไปถึงอินชอน ประมาณ 3 ทุ่มเวลาเกาหลี ยังเหลือเวลาอีกหลาย ชม. เลย
หลังจากบินไปได้สักพัก เริ่มสังเกตว่า ที่นั่งในไฟล์ทนี้มันโล่งหลายแถวเลย ผู้โดยสารบางคนก็ย้ายที่นั่งและเปลี่ยนเป็นนอนตัวยาวบน 3 เก้าอี้ พร้อมหมอนกับผ้าห่มอย่างสบาย
พี่เบญเลยขอย้ายไปนอนบ้าง แอร์สจ๊วตก็เดินไปเดินมาดูความเรียบร้อยตลอด พอแสงอาทิตย์เริ่มแรงหน่อย ผู้โดยสารก็ปิดหน้าต่างกัน มันเลยกลายเป็นห้องนอนดีๆนี่เอง เรียกว่าอิ่มท้องและหลับตลอดทริปเลยอ่ะ
5 ชม. ผ่านไปแบบหลับบ้าง ตื่นบ้าง ในที่สุดแอร์ก็ประกาศว่า เข้าสู่เขตประเทศเกาหลีใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจ้า
เหล่าผู้โดยสายซอมบี้ ก็เริ่มงัวเงียตื่นขึ้นมาเตรียมตัวกัน
เครื่องบินเตรียม Landing ที่สนามบินอินชอน ขณะนี้เป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่งบ้านเรา แต่ของเกาหลีคือ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว เพราะเกาหลีเขาเร็วกว่าเรา 2 ชม.
รู้สึกตื่นเต้นมากเลย ไม่รู้ว่าทริปนี้จะเจออะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ คงเป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่เรายังไม่เคยเจอกำลังรอเราอยู่
หลังจากเดินทางด้วย TG มา 5 ชม. พวกเราก็ลงความเห็นกันว่าชอบ TG อ่ะ มันอาจจะเป็นความรู้สึกอุ่นใจที่ได้พูดคุยกับแอร์สจ๊วตคนไทยด้วยส่วนนึง มันรู้สึกว่าเขาเข้าใจ nature ของคนไทยและมีความยิ้มแย้ม พูดคุยเล่น ทักทายกับพวกเราด้วย ก็เลยรู้สึกว่าบินไปไฟล์ทยาวๆแบบนี้เราอุ่นใจเพราะสื่อสารกันรู้เรื่องชัวร์ๆ
เราเคยได้ยินมาผู้โดยสายคนอื่นว่ามาเหมือนกันว่า TG ไม่ดี แต่ก็เข้าใจได้แหล่ะว่า พวกนี้มันคืองานบริการ อาจจะมีบ้างที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น แต่สำหรับประสบการณ์ที่เราได้รับ เราว่ามันโอเคมากสำหรับการบริการของสายการบินนี้ เดี๋ยวต้องไปรับกระเป๋าก่อนหล่ะ รอติดตามรีวิวอันต่อไปนะจ้ะ