การถ่ายสัตว์ในสวนสัตว์
เห็นหัวข้อก็น่าสนุกแล้วนะคะ สำหรับเก้าแล้ว ชอบการเที่ยวสวนสัตว์มากๆ โดยเฉพาะสวนสัตว์เปิด ที่ปล่อยให้สัตว์ได้ขยับเนื้อขยับตัวอย่างอิสระตามสภาพแวดล้อมธรรมชาติของมัน ซึ่งด้วยเหตุนี้ ก็มักจะได้เห็นบุคลิกที่แท้จริงของมัน ไม่หงุดหงิด มีความตลกอย่างเป็นธรรมชาติอยู่
ก็เลยเป็นที่มาของโจทย์ในวันนี้คือ เราจะมาถ่ายสัตว์กันค่ะ และก็ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงอย่างพวกหมา พวกแมว กระต่าย ที่มันจะอยู่นิ่งๆ นอนอืดๆ (ในบางตัว) ให้เรากดชัตเตอร์ได้อย่างง่ายดายนะคะ เราจะมาถ่ายสัตว์ป่า ที่อยู่ในสวนสัตว์เปิด อย่างเขาเขียวกันค่ะ
เก้าอ่ะ มาที่นี่บ่อยมาก ก็อย่างที่บอกว่า ชอบเที่ยวสวนสัตว์มากค่ะ จากการที่มาบ่อยๆ ก็เลยทำให้เราเห็นปัญหาในการถ่ายภาพสัตว์ที่เรียกว่า ไม่ว่ายังไง คนที่ตั้งใจมาถ่ายรูปที่นี่ ต้องเจอปัญหาต่อไปนี้แน่นอน ซึ่งเก้าจะมาช่วยแก้ไขปัญหา จากประสบการณ์ที่พวกเราเจอมา
ถ้าใครได้อ่านบทความนี้ แล้วมีความรู้เพิ่มเติมอยากเสริม เก้ายินดีมากๆ เลยนะคะ จะได้นำไปปรับใช้ด้วยเหมือนกัน เพราะยังไง เก้าก็จะไปเขาเขียวอีกอยู่ดีค่ะ (ต่อให้ไปบ่อยแล้วแค่ไหนก็ตาม ^^) ก็จะได้ลองนำไปปรับใช้ดูบ้าง ชักอยากจะไปสวนสัตว์บ้างยังคะ ?? งั้นมาดูกันก่อนนะคะว่า ก่อนไป เราควรจะเตรียมอุปกรณ์อะไรไปบ้าง
อุปกรณ์ ต่อไปนี้ เก้าแนะนำ ไม่ได้หมายความว่าต้องมีทุกอย่างที่บอกนะคะ หอบไปเท่าที่เราหอบไหว หรือเท่าที่เรามี เก้าก็บอกไว้เผื่อคนที่มีอยู่หลายตัว แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า ไปสวนสัตว์แบบนี้ จะหอบอะไรไปบ้างดี ^^
1. กล้อง
2. เลนส์ ที่แนะนำ Tele Photo (หรือในชื่อเลนส์เทเล) ถ้าใครไม่มี ก็ Fix 100 mm. macro ก็ได้ค่ะ, เลนส์มุมกว้าง (หรือเลนส์ Wide)
3. แฟลช
4. กล้วย ถั่วฝักยาว แตงกวา (เอาไว้ให้อาหารสัตว์ค่ะ อิอิ ^^)
หอบกันไปอย่างหนัก ไม่ต้องห่วงนะคะ เค้ามีบริการให้เช่ารถกอล์ฟ เราไม่ต้องเดินแบกเองทั้งทริปค่ะ หรือเราจะขับรถเราเองก็ได้ แต่เก้าชอบเช่ารถกอล์ฟมากกว่าเพราะรู้สึกสนุกและได้รับอากาศสดชื่นดีค่ะ พอละ ๆ เข้าเรื่องดีกว่า
ต่อไปที่เก้าจะพูดถึงคือ
Basic การถ่ายภาพสัตว์ ไม่ว่าจะใช้เลนส์อะไรย่อมได้ใช้เทคนิคนี้แน่นอนค่ะ
1. โฟกัสที่ตาของสัตว์ ดียังไง ?? ดีตรงที่มันทำให้ภาพของสัตว์ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นค่ะ คือปกติอาจไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับสัตว์ ก็ถ่ายๆ ไป หรือบางคน ก็โฟกัสไปที่ตัวสัตว์ (อย่างเก้า 555) ก็เหมือนเราถ่ายภาพคนนั่นแหล่ะค่ะ เรายังโฟกัสที่ตาเลยจริงมั้ยคะ ก็เหมือนกัน มันทำให้ตาของสัตว์ใสปิ๊งๆ ขึ้นมา จากภาพจะเห็นว่า โฟกัสที่จมูก ตาเบลอ ตาไม่ใสปิ๊ง
แต่พอเราโฟกัสที่ตา มันคมชัด และมีแววตามากขึ้น คือถ้าเราจะถ่ายลักษณะที่เห็นหน้ากันใกล้ขนาดนี้ ก็จะโฟกัสตาได้ไม่ยากค่ะ
2. ถ่ายในมุมเท่ากับสัตว์ โดยปกติ อ่ะ อย่างเจ้าละมั่งนี่ เรายืนอยู่สูงกว่าละมั่ง เราก็ต้องมองลงมา ภาพที่เราเห็นคือภาพมุมกด ที่มองไปยังละมั่ง แต่การถ่ายภาพ ไม่เอาๆ เราจะหดตัวให้เท่าละมั่ง เราจะประหนึ่งว่า เป็นเพื่อนละมั่งด้วยกัน มองไปที่หน้าของเพื่อนละมั่งหมู่เฮา คือภาพมุมกด จะเป็นมุมเดิมๆ ที่เราทุกคนก็เห็นกันอยู่คุ้นตา
แต่ไม่เอา ภาพนี้ เราจะถ่ายมุมสายตาเท่ากันกับละมั่ง จะได้ภาพที่ดูเป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจ เราจะเป็นเพื่อนกับละมั่ง ไม่แบ่งชั้นวรรณะ ว่าชั้นเป็นคน เธอเป็นละมั่งนะยะ (ละมั่งที่สวนนี้ เป็นเพศเมียทั้งสวนนี้เลยนะคะ เป็นยัยชะนีเหมือนกัน ถ้าเพศผู้จะมีเขาค่ะ)
ภาพมุมนี้ของละมั่ง เราเคยคิดว่าจะได้เห็นเป็นปกติมั้ยคะ ^^ เก้าคนนึงที่ไม่เคยค่ะ และก็รู้สึกชอบมากเลย ตอนกดชัตเตอร์ภาพนี้ ละมั่งแอบมีสะดุ้งด้วย อิอิ ^^
หรือถ้าใครมีเลนส์ Wide ก็ใช้ประโยชน์ของ Charactor ของเลนส์ให้เป็นประโยชน์ด้วยการถ่ายแนว เดอะ ด๊อคให้น้องละมั่ง
หรือแม้แต่หลังเจ้าเมียร์แคท คือย่อตัวให้ระดับกล้องเท่ากันกับส่วนหัวค่ะ (ประมาณๆ เอาค่ะ)
ก็จะได้เห็นเมียร์แคท ที่กำลังระวังภัย ในระดับเดียวกับสายตาของเรา
โชคดีมาก แพะตัวนี้อยู่บนต้นไม้พอดีค่ะ คือตรงนี้ เค้าวางซุงใหญ่ๆ เอาไว้ให้แพะปีนเล่นไปมา ก็เลยได้ทีค่ะ กดซะเลย และไม่ลืมที่จะโฟกัสที่ตา
สำหรับนกกระตั้ว ค่อนข้างยากในการเล็งโฟกัสให้โดนตา เพราะมันจะขยับหัวอยู่ตลอดค่ะ ก็เลยกะๆ เอาประมาณนึง แล้วย่อตัวให้ได้ระดับที่ต้องการ
ภาพนี้ อย่างงนะคะ อิอิ ไม่ได้ตั้งกล้องเอียงแต่อย่างใด แต่ว่า กรงเอียงค่ะ สังเกตว่านกตัวตรงนะ ^^ ตัวนี้อยู่นิ่งๆ ให้ถ่าย ก็เลยได้โฟกัสที่ตาค่ะ
มีอีก 1 อย่างที่เราจะต้องทำคือ....
3. อดทนรอจังหวะดีๆ บางทีท่าทางน่ารักๆ ตลกๆ ขำๆ มีมาไม่บ่อยค่ะ หรือจะจัดให้ได้องค์ประกอบที่ต้องการ ก็ยากแสนยาก เพราะสัตว์จะไม่อยู่เฉยๆ ให้เราถ่ายได้ง่ายๆ หรอกค่ะ มันจะขยับตัว อยู่เนืองๆ ไม่ขยับตัว ก็ขยับหัว เขยิบหนีบ้างอะไรบ้าง
บางที ก็ต้องค้างท่านี้ไว้ เพราะภาพดีๆ ไม่ใช่ว่าได้มาง่ายๆ ค่ะ อิอิ สู้ต่อไปทาเคชิ
ตอนนี้เราก็ได้วิธีพื้นฐานในการถ่ายสัตว์ในสวนสัตว์ไปแล้ว ทีนี้ ถ้าถึงเวลาไปจริงๆ เราก็จะต้องเจอปัญหาแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะสวนสัตว์เปิด ที่เค้าจะเลี้ยงสัตว์แบบ เลียนแบบธรรมชาติของมัน ก็จะมีทั้งเดินอิสระ อยู่ในกรง อยู่ในกระจก และอื่นๆ อีกมากมาย เก้าคิดว่ายังไง ก็ต้องเจอปัญหาแน่นอน และเท่าที่พวกเราไปเขาเขียวกันมาประมาณ แสนแปดครั้งแล้วเนี่ย ก็เจอปัญหาที่พอจะสรุปมาให้ได้ดังนี้ค่ะ
1. ถ่ายสัตว์ในที่ร่ม แล้วสัตว์หน้ามืด
ปัญหานี้ เก้าเจอตรงส่วนของ แอฟริกา ซาวันน่า ค่ะ คือ เค้าเลี้ยงยีราฟ ม้าลาย ไว้กลางแจ้งเลย แล้วจุดที่เราให้อาหารจะอยู่ในร่มไม้ พอยีราฟเข้ามาหาเราเพื่อกินอาหาร เราก็จัดการถ่ายรูป ณ จุดนี้ ผลที่ได้คือ ยีราฟหน้ามืดค่ะ (ไม่ใช่หน้ามืดเป็นลมนะ) มองไม่เห็นหน้ายีราฟ และเห็นลายไม่ชัดเจนสะใจเลย แม้ว่าเราจะได้ฉากหลังครบชัดเจน แต่เราก็อยากได้หน้ายีราฟด้วย ทำไงดี ??
เราจึงแก้ปัญหาด้วยการยิงแฟลชค่ะ เราจะใช้แฟลชแยกตัวนี้ ติดเข้าไปที่หัวกล้อง ที่ใช้แฟลชแยกแบบนี้ ก็เพราะว่าเราต้องการควบคุมทิศทางแสง และพลังของแสงแฟลชไม่ให้มันแรงไปเพราะอาจจะดูไม่เป็้นธรรมชาติ หรือให้มันเข้าถูกทิศถูกทางที่เราต้องการ
ภาพนี้บอกถึงจุดที่เราต้องกดเพื่อปรับพลังแสงแฟลชค่ะ แต่ว่ามันก็แล้วแต่รุ่นของแฟลชด้วยนะคะ เก้ามีแต่รุ่นนี้ ก็เลยจะโชว์ให้ดูว่า มันกดตรงไหน แต่ถ้ารุ่นอื่น ไม่แน่ใจ แต่คิดว่า มันก็ไม่น่าจะต่างกันมาก น่าจะบริเวณเดียวกัน ใช้ Wording คล้ายกันค่ะ
พอเสียบแฟลชเข้ากับหัวกล้องปุ๊ป ก็กดเปิดแฟลช แล้วก็กดปุ่ม Set ตรงกลาง กดแล้ว ตัวเลขพลังแฟลชชะแว๊บๆ ขึ้นมา เราก็กด + กด - ไปตามพลังที่ต้องการเพิ่มหรือลดได้เลยค่ะ พอเลือกระดับพลังแสงแฟลชได้แล้ว ก็เริ่มจัดองค์ประกอบแล้วถ่ายได้เลย พลังจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับแสง ณ ตอนนั้นด้วยนะคะ ต้องระวังว่าไม่ให้หน้าขาว คอดำนะจ๊ะ ^^/ ต้องลองฝึกๆ ดูค่ะ เดี๋ยวก็จะกะได้ถูกเอง
อย่างภาพนี้ใช้แฟลชแล้ว ก็จะเห็นหน้า และลายของยีราฟสว่างขึ้น และได้เห็นแววตาของยีราฟน้อยด้วย บางคนอาจจะดูว่า หน้ามันดูสว่างหลอกๆ นิดๆ เหมือนใช้ ไวเทนนิ่งที่ผสมสารปรอท รึป่าว?? คืออันนี้ก็จะแล้วแต่ความพอใจของแต่ละคนนะคะ ในกรณีนี้ เก้า Base on วัตถุประสงค์ของการท่องเที่ยว ที่เราพอจะมีเวลาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายแบบเลือกเวลาได้ว่า เราจะถ่ายเฉพาะในช่วงเวลา หลังบ่าย 3-4 ไปแล้วเท่านั้น ในกรณีที่เราเลือกไม่ได้แบบนี้ ได้ภาพประมาณนี้สำหรับเก้าก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ
ปัญหาถัดมา...
2. การถ่ายภาพสัตว์ผ่านกระจก
ปัญหาที่เจอค่ะ ได้เงาสะท้อนมาในภาพด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่อยากได้ เราอยากได้ภาพสัตว์เต็มๆ ทำไงดีหนอ ??
CPL ช่วยได้ค่ะ จากหัวข้อการใช้ CPL ที่เคยสอนไปแล้วคือ ติด CPL เข้าไป แล้วหมุนหาจุดที่มันตัดเงาสะท้อนใช่มั้ยคะ แต่ถ้าใครไม่มี CPL ก็อาจจะต้อง Manual นิดนึงคือ
- ให้เราหันกล้องเข้ากระจกตรงๆ
- ให้ปลายกระบอกเลนส์แนบกระจกที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ไม่ต้องแนบชิดสัมผัสกันมากก็ได้ค่ะ เอาประมาณว่าห่างกระจกซักครึ่งเซ็นต์ เอานิ้วเรารองๆ ไว้ก็ได้ ถ้าเรากลัวไม่อยากให้เลนส์กระแทกกระจกจังๆ
- จัดองค์ประกอบแล้วถ่ายเลย
อันนี้ ก็เป็นภาพที่ถ่ายผ่านกระจก ด้วยวิธีที่บอกค่ะ มันจะยากมาก เราสัตว์ในกระจกเป็นลิงแบบเนี้ย มันไม่อยู่เฉยเล้ยยยยย
คิดยังไงมาถ่ายลิงเนี้ย -____-''
แต่ภาพที่ได้มันก็หายเหนื่อยเหมือนกันนะคะ มันดูน่ารักดี ชอบๆ ได้ภาพแบบนี้กลับบ้านก็ว่าคุ้มแล้วล่ะ อิอิ ^^/
รู้เลยเนอะว่าปัญหาถัดมาคืออะไร
3. การถ่ายสัตว์ผ่านซี่กรง
เนี่ย ดูสิ อะไรกันจะมีกรงซ้อนกรงขนาดนี้ อิอิ คือพอดีว่า กรงนี้ เป็นค่าง 5 สีค่ะ เค้าไม่ให้เราให้อาหารเอง เจ้าหน้าที่จะเป็นคนให้ เพราะเค้ากลัวว่าค่างอาจจะท้องเสียค่ะ เรามาดูวิธีถ่ายผ่านกรงกันดีกว่าว่ามันต้องทำยังไงบ้าง
เราต้องปรับการ จุดโฟกัส ให้เป็น Manual Selection แล้วเลือกให้จุดโฟกัสอยู่ตรงกลาง คือจากโดยปกติบางคนอาจจะใช้ Auto Selection อยู่ ซึ่งการถ่ายผ่านกรงแบบนี้ มันอาจจะโฟกัสมั่วไป มั่วมา โฟกัสไปโดนกรงบ้างอะไรบ้าง ก็จะได้ภาพซี่กรงมาแทนอย่างที่บอก
การที่เราย้ายจุดโฟกัสมาไว้ตรงกลาง มันทำให้เราโฟกัสได้แม่นขึ้น ก็คือ Point จุดโฟกัส ทะลุผ่านช่องว่างของกรงไปที่ตัวแบบเลย
ที่ภาพนี้คือ เราโฟกัสค่าง แล้วค่ะ แต่มันยังเห็นกรงอยู่แบบเบลอ ชอบใจมั้ย ?? อ่ะแน่นอนว่าไม่ชอบ แล้วทำไงล่ะ ??
อย่างที่บอกแต่ต้นว่า เลนส์ที่ควรจะพกมาด้วยเมื่อมาสวนสัตว์ ก็คือ Tele Photo หรือที่เก้านำมาวันนี้คือ 70-200 mm (ยืมชาวบ้านเค้ามาอีกที ^^'') มันมหลายเหตุผลที่ควรนำมันมาด้วยก็คือ มันช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้ในระดับนึงเลยค่ะ อย่างกรณีที่ต้องการละลายซี่กรงแบบนี้ การซูมเข้าไปที่ระยะ 200 mm ช่วยได้ค่ะ
อย่างในภาพนี้คือ ซูมที่ระยะ 200 mm ผ่านซี่กรง มันช่วยละลายระยะหน้าของกรงไปได้เลย
อย่างภาพนี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า แอบเห็นมีลายกรงสีขาวๆ อยู่ ก็นิดหน่อยนะคะ ประมาณนึง มีเวลาไม่มาก ละลายซี่กรงได้ ได้ภาพประมาณนี้สำหรับเก้า ก็ถือว่าชอบใจแล้วค่ะ
เลนส์อีกอย่างที่ทำได้คือ เลนส์ Fix 100 mm. เก้าเคยไปละลายกรงที่สวนนกจูร่งที่สิงคโปร์ ระยะห่างจากจุดที่ยืนอยู่กับกรงประมาณ 2 เมตรได้ (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนนั้นไม่ได้มีความรู้มากค่ะ ก็ถ่ายๆ ไป ปรากฎว่า ละลายได้ด้วยแฮะ ดีใจใหญ่ ^^
แต่พอไปถ่ายจริงๆ บางครั้ง เราจะละลายกรงไม่ได้ อย่างภาพนี้ ใช้เลนส์เดียวกันคือ เลนส์ Fix 100 mm. ทั้งที่เก้าก็ยืนอยู่จุดเดิม แต่ทำไม มันไม่ละลาย ก็เพราะว่านกมันอยู่ใกล้กับกรงเกินไป จนทำให้ระยะ มันไม่สามารถสร้างการเบลอจนละลายไปได้ค่ะ ดังนั้น ยิ่งตัวแบบอยู่ไกลจากกรงเท่าไร ก็ยิ่งละลายค่ะ ดังนั้น ให้เลือกตัวที่อยู่ไกลกรงหน่อย และจัดองค์ประกอบที่เท่าที่ระยะเลนส์ทำได้สวย (คือ ตัวแบบไม่เล็กไป หรือใหญ่ไป)
แต่ถ้าใครไม่อยากลงทุนมากเลนส์ Canon EF-S 55-250MM F/4-5.6 IS (ราคาประมาณ 6 - 7 พันบาท) หรือ Canon EF-S 18-200MM F/3.5-5.6 IS (ราคาประมาณ ไม่เกิน 2 หมื่น) ก็ละลายได้ค่ะ ใช้วิธีเดียวกันคือ ซูมไปที่ 200 หรือ 250 เลย แต่โบเก้จะสวยเท่า 70-200 mm. หรือเปล่า ก็อีกเรื่องนะคะ
เรื่องเยอะเลย ขอสรุปแบบนี้แล้วกันค่ะสำหรับการถ่ายสัตว์ผ่านกรง
1. ใช้เลนส์ Tele photo ที่มีระยะซูม อย่าง 70-200 หรือ 55-250 หรือ 18-200 (คือให้มันมีช่วงซูมเยอะหน่อย)
2. ปรับการโฟกัส เป็น Manual Selection แล้วปรับให้โฟกัสที่จุดกลางจุดเดียว
3. เลือกสัตว์ตัวที่อยู่ไกลจากกรงหน่อย
4. โฟกัสตัวสัตว์
5. ซูมในระยะที่ซี่กรงหายไป
6. แล้วกด shutter ได้เลยค่ะ
พอเริ่มๆ ชิน ก็จัดองค์ประกอบสวยๆ ได้เลย
ผ่านไปแล้วกับปัญหาที่มักจะเจอ การถ่ายภาพสัตว์ที่อยู่อิสระไม่มีปัญหาหรอกค่ะ อย่างสวนละมั่ง สนุกดีค่ะ พอเราถ่ายได้คล่องแล้ว เรามาเริ่มสร้างความแปลกใหม่ ให้กับอัลบัมภาพสัตว์ของเรา ด้วยการสร้างสรรค์มุมใหม่ๆ ดู เช่น
การถ่ายสัตว์ทีเผลอ
ประเด็นคือ เราต้องอดทนรอ ไม่ขี้เกียจ ไม่ใจร้อน
หรืออาศัยช่วงหลับ
หรือช่วงหาววววว ว๊อดๆๆ
นี่ก็หาว 555 เบลออีกต่างหาก อันนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ ควรเลือก speed shutter ที่จะจับสัตว์ที่ขยับตัวเร็วไห้อยู่ โดยปกติ เราจะใช้ Speed Shutter เท่าทางยาวโฟกัสใช่มะคะ แต่ว่า ด้วยความที่สัตว์เล็กๆ แบบนี้มันขยับตัวเร็ว speed shutter ที่เท่าทางยาวโฟกัสอาจจะไม่พอ เพื่อจับ action ของสัตว์เร็วๆ แบบนี้ บางที เก้าว่า ควรจะเปลี่ยนไปใช้โหมด TV ดีกว่า พอ Speed shutter มากเข้า ภาพอาจจะมืด ก็เลยต้องดัน ISO แต่ก็ยอมนะคะ ถ้าได้ท่าทาง ตลกๆ ฮาๆ ขำๆ มันเป็น Feeling ที่เรามองข้ามข้อเสียบางอย่างไปได้เหมือนกัน
อย่างการพยายามจะทำ Rim light ลิงฟรีแลนซ์ ก็เป็นอีกมุมมองสร้างสรรค์ได้เหมือนกัน อิอิ
(อาจจะสงสัยว่า ลิงฟรีเแลนซ์นี่มันเป็นไง ??
มันคือ
ลิงที่ไม่ได้สังกัดสวนสัตว์ค่ะ มันใช้ชีวิตอยู่ในป่าบนเขาเขียวทั่วไป
แล้วมันก็มาหากินในสวนสัตว์ ถ้าเทียบให้เข้าใจง่ายคือ
สัตว์ที่เป็นสัตว์ของเขาเขียว
ก็เหมือนกับพนักงานประจำที่อยู่ในองค์กรที่ชื่อว่า สวนสัตว์เปิดเขาเขียว มีงานทำ มีอาหารกินแน่นอน ไม่ลำบากเรื่องที่อยู่อาศัย ค่อนข้างมีชีวิตที่มั่นคง
แต่พวกลิงนี่ ไม่มีสังกัดค่ะ แต่ก็เข้ามาหากินในนี้ คนมาเทียวสวนสัตว์ก็สงสาร
ก็ให้กล้วยมันกินอยู่บ้างประปราย มันก็เหมือนฟรีแลนซ์ ที่ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเอง ไม่มีอาหารแน่นอน บางวันก็อาจจะอด บางวันก็อาจจะได้ 5555 อย่าคิดมากนะคะ เรียกไปขำๆ เข้าใจง่ายดี เวลาที่เราพูดถึงลิงฟรีแลนซ์ ก็จะหมายถึงเจ้าลิงพวกนี้แหล่ะค่ะ ^o^ สำหรับลิงเหล่านี้ ทางสวนสัตว์เองก็ไม่อยากให้เราให้อาหารมันนะคะ เพราะจะทำให้พวกมันมาเรื่อยๆ)
เข้าเรื่องดีกว่า อีกหนึ่งอาการทีเผลอของสัตว์ ที่ทำให้เราจินตนาการไป ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ก็คือ เจ้าหมีควายตัวนี้ ที่กำลังกลุ้มใจ
อาจจะกลุ้มใจเรื่องพิษเศรษฐกิจ
ซื้อหุ้นแล้ว หุ้นตก ตกอย่างหนัก ก็เลยติดดอย เกิดอาการเซ็ง
ก็เลยอาจจะทนไม่ไหว ไประบายใส่เพื่อน ง่ำ >< เพื่อนซึ่งไม่รู้อิโหน่ อิเหน่
หรืออาการ ที่เรามี React กับสัตว์ อิอิ เก้าไม่รู้เลยนะว่าภาพมันออกมาสายตา ดูเอ็นดูขนาดนี้ ต้องให้เครดิตคุณครูเบญเลยค่ะ เลือกจังหวะได้ดีจริงๆ
หรือจังหวะที่คุณครูเบญโดนงับนิ้ว 555 แต่ครูบอกว่ามันงับเบาๆ นะคะ แบบว่าเล่นอะไรแบบนี้
คราวนี้ เรามาลอง
Crop เฉพาะส่วน กันบ้าง เลนส์ที่เหมาะคือ เลนส์ Tele Photo ค่ะ ทำให้เราเก็บได้สะดวก ด้วยสถานที่อ่ะนะ คือบางทีมันอยูไกล ก็ซูมได้น่ะค่ะ
ใครรู้บ้างว่านี่คืออะไร ?? ........
มันคือ ลายขนที่หลังของนกเค้าแมวมลายูค่ะ การถ่าย Crop แบบนี้ ทำให้เกิดลวดลาย ที่มันก็ดูสวยไปอีกแบบ สิ่งที่จะถ่าย Crop แล้วมันสวยคือ ควรมีลวดลาย สีสัน หรือพื้นผิวที่มันดูโดดเด่น ซึ่งการทำแบบนี้ ต้องเป็นคนช่างสังเกตหน่อยนะคะ
นี่คือโฉมหน้าเจ้าของลายขนแสนสวย เลือกมุมถ่ายแบบนี้ ให้ความรู้สึกถึงความเท่ห์ ทั้งที่เป็นแค่เจ้านกเค้าแมวมลายู ^____^
ใครตอบได้ว่านี่คือขนของอะไรคะ ??? อิอิ ไม่รู้ก็ไม่ผิดค่ะ นี่คือขนที่ตัวของละมั่ง มันจะมีจุดขาวแซมๆ อยู่ เลือกจัดองค์ประกอบให้น่าสนใจ โดยจุดขาว อยู่แนวๆ จุดตัดเก้าช่อง
นี่คือเจ้าของขนภาพด้านบนค่ะ แบบนี้คือการ Crop เฉพาะส่วนคอ และหัวของละมั่ง เก้าดูแล้วรู้สึก เป็นละมั่งที่มีความเป็นผู้ดี ยืนเรียบร้อย 555 จินตนาการเรื่อยเปื่อยค่ะ หรืออาจจะเป็นละมั่งที่มีสายตามุ่งมั่น จับจ้องไปที่กล้วย !!
ลายขนแพะภูเขาค่ะ น่ารักดี เก้าชอบจัง
Crop หน้าควายครึ่งเดียว
Crop ลายงวงช้าง
Crop ส่วนเท้าช้าง
Crop ลายของม้าลาย อย่างม้าลายนี้ อยู่ไกลทีเดียวค่ะ แต่ครูเบญใช้วิธีซูมเอา
อีกหนึ่งภาพโปรดของเก้าโดยฝีมือคุณครูเบญ ใช้ 70-200 mm ซูมผ่านกระจก ใช้วิธีแนบไปกับกระจกเพื่อตัดเงาสะท้อน จัดองค์ประกอบเฉพาะทีน ดูอย่างงี้น่ารักดีนะคะ แต่นี่คือ ทีนเสือค่ะ *o*
หรือจะเป็นแบบนี้ ก็เป็นด้านหลังมือเสือ
และไม่ลืมที่จะ Crop ลายเสือมาด้วย ได้ข่าวว่าช่วงนี้ฮิตลายเสือ ฮี่ๆ ^o^
Crop ส่วนที่เห็นเป็นโครงๆ หัว และหู ที่ดูแสนจะเหมือนแมว
หางก็ไม่เว้น มาถ่ายตรงเสือนี่คุ้มจริงๆ ได้ทุกส่วนเลย เสือนี่อยู่ตรงหุบเสือป่านะคะ
ด้วยความที่พวกเราขยับไป มา พูดคุยกัน หัวกระแทกจกมั่ง เลนส์กระแทกมั่ง 5555 (อันนี้ล้อเล่น เดี๋ยวคนให้ยืมมาอ่าน จะไม่ให้ยืมอีก อิอิ) มันก็เลยหันมาค่ะ ชอบจัง ได้เห็นหน้าเสือแบบเต็มๆ เลย จริงๆ เก้าว่า วันที่พวกเรามาถ่ายกันนี่ โชคดีมากค่ะ ปกติเสือจะนอนกลางวันนะ แต่ตื่นกลางคืน สำหรับไนท์ ซาฟารีค่ะ แต่นี่ มันตื่นกันอยู่ แล้วอีกตัว ก็เดินมาเล่นกะอีกตัว (ดูได้ในวีดีโอ^^/)
เก้าชอบสีภาพนี้มากเลยล่ะ เป็นขนของนกฟลามิงโก้ค่ะ ขนด้านในมันออกส้มๆ แดงๆ ชมๆ ชนสีขาวสะอาดมาก
เดี๋ยวนี้ เค้ามีให้เราสามารถให้อาหารฟลามิงโก้ด้วยค่ะ สนุกมากๆ เลย เก้าซื้ออาหารให้ จนคนขายแถมให้เลย 1 ห่อ อิอิ สนุกดีค่ะ ถ้ามาเขาเขียว ก็อย่าลืมแวะจุดนี้นะคะ รู้สึกได้ใกล้ชิดกับฟลามิงโก้มากๆ
ส่วนนี้ ดูแล้วอาจจะสับสน ว่ามันคือ ช้างหรอ หรือว่าอะไรเนี่ย ?? นี่คือหลังของแรดค่ะ การจับมุมนี้ มันออกจะ ขำๆ มากกว่าสวยนะเก้าว่า 555
และนี่ก็อีกจุดหนึ่งที่เราให้อาหารแรดได้แล้ว เมื่อก่อนแรดจะส่วนแอฟริกา ซาวันน่า และก็จะไม่ได้มารับอาหารจากคนมาเที่ยว แต่รับอาหารจากเจ้าหน้าที่สวนสัตว์เท่านั้น แต่หลังจากที่เค้าฝึกให้แรดคุ้นกับคนมากขึ้นๆ เราก็สามารถป้อนหญ้ามันได้ค่ะ
แต่ภาพนี้ ก็อย่าสับสน ว่ามันคือ ช้าง หรือว่า แรด หรือว่าเก้านะ T__T โดนเลนส์ Wide 10-22 mm เล่นงานเข้าให้ค่ะ มันก็ดูไม่ค่อยจะต่างเลยนะ หลังเก้ากับหลังแรดเนี่ย -________- คือมาสวนสัตว์ ก็ควรจะ Crop สัตว์สิ มา Crop เก้าทำไมเนี่ย จ๊ากกกกกก ><
สุดท้าย ก็หวังว่า ทุกคนคงจะได้ประโยชน์กันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ จริงๆ แล้ว เก้าก็แอบเห็นอัลบัมของเพื่อนบางคน เค้าถ่ายเจาะพวกเห็ด แมลง อะไรที่สวนสัตว์ด้วยนะ อย่างตรงที่ให้อาหารแรดเนี่ย เก้าก็เห็นแมลงนะ แต่ครูเบญไม่ยอมมาถ่ายอ่ะ มันวิ่งออกมาจากถังขยะ สีน้ำตาลๆ วิ่งหน้ามึนๆ อ่ะค่ะ ก็ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ถ่าย เฮ้อ : P
ขอให้สนุกกับการถ่ายสัตว์นะคะ ^o^/