รีวิวท่องเที่ยว

ทริปญี่ปุ่น 11 วัน เที่ยวฟูจิและรอบโตเกียว : Day 6



วันที่ 6 ของทริป วันนี้เราจะพาออกนอกโตเกียวไปเที่ยวเมืองเล็กๆที่ได้รับฉายาว่า Little Edo อยู่ จ.ไซตามะ ก็คือเมืองคาวาโกเอะน่ะเอง วันนี้เราจะเที่ยวที่นี่กันทั้งวันเลย
ค่าใช้จ่ายทั้งทริป คนละ 83,229.62 บาท ** ค่าใช้จ่ายนี้ ไม่รวม pocket money นะจ้ะ **

แบ่งเป็นรายละเอียดตามนี้
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน JAL (สุวรรณภูมิ-นาริตะ) คนละ 19,090 บาท
2. ค่าที่พัก ทั้งหมด 10 คืน
- Hotel Mystays Nishi Shinjuku 20 - 21/11/17 ( 1คืน ) คนละ 1,540.02
- Kawaguchiko Hotel 21 - 23/11/17 ( 2 คืน ) คนละ 2,135.31
- APA Hotel Keisei Ueno-Ekimae 23 - 30/11/17 ( 7คืน ) คนละ 2,113.75
3. ค่า pocket wifi ของ iwifi.jp ทั้งหมด 11 วัน ราคา 2,118.60 ตกคนละ 529.65 บาท
4. ประกันเดินทาง 4 คน รวม 2,008.00 ตกคนละ 502 บาท
5. จองรถขับใน Kawaguchiko (Toyota Rent a Car) 2 วัน รวม 6,340 บาท
6. Romance car ไป-กลับ 2,090 บาท ตกคนละ 522 บาท
7. ตั๋วเข้า Disneyland ตกคนละ 2,150 บาท
8. ตั๋ว Keisei Skyliner Ueno - Narita Terminal 2 ตกคนละ 645 บาท
9. ค่ากิน+เดินทาง+ค่าเข้าสถานที่ระหว่างทริป 11 วัน ตกคนละ 3,420 บาท / 1 วัน




พี่ฉิมผู้เริ่มเบื่ออาหารเช้าเซเว่นญี่ปุ่น ก็ออกสำรวจหาอะไรอร่อยๆแถวๆโรงแรมกิน ก็มาเจอร้านราเม็งข้อสอบ อิจิรัน ราเม็งแถวๆ APA Ueno ก็เลยจัดซะเลย
พี่ฉิมก็เก็บรูปมาให้ แต่ไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ เพราะพี่ฉิมไปกินคนเดียว
MAP : https://goo.gl/maps/8QGfUKrS8DN2




บรรยากาศในร้าน เป็นโต๊ะนั่งกันเป็นล็อคๆ มีที่กั้นเพื่อป้องกันการลอกข้อสอบกันด้วย o_O




วิธีการสั่งก็แค่ไปกดตั๋วที่ตู้ จากนั้นก็มาวงในกระดาษบนโต๊ะว่าเราจะเอาเส้นแบบไหน แล้วก็กดปุ่มแดงๆเรียกพนักงาน




พอรู้สเต็ปแล้วก็มากดตั๋วที่ตู้หน้าตาแบบนี้ก่อนเลย เลือกว่าจะสั่งราเม็งเมนูไหน




จากนั้นเราจะได้ตั๋วกระดาษมา แล้วเราก็เริ่มทำข้อสอบ เลือกเลยว่าจะเอาเส้นแข็ง เส้นนุ่ม น้ำซุปเข้มข้นไหม ช่างละเอียดละอี้จริงๆ
จากนั้นก็กดปุ่มแดงที่โต๊ะเพื่อเรียกพนักงานมารับใบ




พี่ฉิมบอกว่า ชอบมากกกกกกกก เพราะเค้าเป็นคนชอบราเม็งเส้นแข็งๆหน่อย มันก็เลือกได้เลย น้ำซุปก็อร่อย เข้มข้น




อันนี้แหละ ร้านอิจิรัน ราเม็ง โลโก้เป็นแบบนี้นะจ้ะ




เค้ามีให้ซื้อเป็นกล่องกลับบ้านด้วยนะ ใครติดใจก็ซื้อกลับไปกินที่บ้านกัน




ตอนนี้ทุกคนพร้อมเรียบร้อย ก็นัดกันไปกินข้าวเช้าพร้อมกัน ยกเว้นพี่ฉิมที่อิ่มแล้ว เชอะๆๆ




เรามาที่ร้านกาแฟเบเกอรี่แถวๆโรงแรมนี่หล่ะ ชื่อร้าน Lotteria
MAP : https://goo.gl/maps/tmiBvmT3Mhy




มีขนมปังเยอะแยะเลย ดีไซน์ขนมปังก็น่ารัก




เป็นอีกที่ๆมาฝากมื้อเช้าก่อนไปเที่ยวได้ดี




ออกเดินทางกันเลย เรานั่ง JR Yamanote ไปลงที่สถานี Ikebukuro ก่อนอันดับแรกเพื่อจะไปซื้อตั๋ว Discount pass ที่นั่น




ใช้เวลาเดินทางจาก Ueno ไปถึงคาวาโกเอะประมาณ 1 ชม. เท่านั้น




ระหว่างรอรถไฟ พี่ฉิมก็แกล้งแหย่แม่




มาถึงสถานี Ikebukuro แล้ว เราก็มองหาป้ายแบบนี้เพื่อเข้าไปซื้อ Pass




อันนี้คือ Kawagoe Discount Pass Premium ราคา 950 เยน
เป็นบัตรนั่งรถไฟของ Tobu ไป-กลับจากอิเคะ-คาวาโกเอะ + ได้ตั๋ว 1 day pass รถเมล์เที่ยวในคาวาโกเอะ 1 วัน + ส่วนลดร้านค้าร้านค้าบางร้าน ต้องไปหาอ่านดูในเว็บ มีภาษาไทยให้อ่านกันง่ายๆเลยนะ
Link : http://www.tobu.co.jp/foreign/th/news/20180202.html




รถไฟไปคาวาโกเอะ จะจอดชานชลา 1 และ 2 ให้มองหารถแบบ Express (สีแดง) เพราะมันจะไม่ได้จอดทุกสถานี มันจะวิ่งเร็วกว่าแบบอื่น




เวลาจะเข้า เราก็เดินผ่านเข้าห้องด้านข้าง แล้วโชว์ตั๋วนี้ให้นายสถานีในห้อง ไม่ต้องเอาไปแตะที่เครื่องตรวจตั๋วนะ
ตอนออกก็ทำเหมือนเดิมคือเดินเข้าห้องนายสถานีแล้วโชว์ตั๋ว ง๊ายง่ายและดูมีอภิสิทธิ์




มาถึงคาวาโกเอะแล้ว




จากสถานี Kawagoe ออก East Exit นะ




พอออกมาแล้ว จะเห็นห้าง atre มีบันไดลงไปป้ายรถบัสด้านล่าง เดินลงไปที่ ป้ายหมายเลข 3 เลย วันนี้เราจะเดินทางด้วยการนั่งรถบัสกัน




เดินลงมาด้านล่างจะเห็นป้ายเส้นทางวิ่งของรถบัส




ตรงนี้คือป้ายที่เรามายืนรอกัน




เข้ามาในรถกันแล้ว รถค่อนข้างแน่นเลยหล่ะ อาจจะเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ และในรถมีแต่นักท่องเที่ยว เพราะทุกคนดูมีแผนที่เที่ยวในมือกันคนละแผ่น




เรามาลงกันที่่ป้าย 11 Fudanotsuji เพราะเราจะเดินเที่ยวตรงส่วนเมืองเก่ากันเลย




จุดแรกที่เดินก็คือ ถนนสายขนม Kashiya Yokocho วันนี้นักเรียกตรึม
MAP : https://goo.gl/maps/tE5PtLAoxHQ2




ทั้ง 2 ฝั่งถนน จะมีร้านขายขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมติดๆกัน อยู่ประมาณ 70 กว่าร้าน
มีทั้งลูกอมโบราณสูตรเฉพาะของคาวาโงเอะ ร้านขายมันหวาน ร้านเค้ก ไอศครีม มาแล้วสิ่งที่่ต้องทำคือ ชิมขนมต่างๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่พวกเราถนัด ฮ่าๆ




สิ่งแรกที่ชิมคือ ไอติมมันม่วง เสียบแท่งมันหวาน อันนี้ก็อร่อยดีนะ ไอติมมันเป็นรสหวานมัน ไม่ค่อยได้กลิ่นมันนะ
พี่ฉิมบอกถ้าร้านไหนเด็กตอมเยอะ แสดงว่าอร่อย




ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง มันเทศ มันม่วง ว่ารสมันหวานมาก อันนี้ต้องชิม




มันอารมณ์เหมือนได้เห็นขนมสมัยเรายังเด็กหน่ะ พวกเด็กยุค 90 น่าจะคุ้นชินกะขนมพวกนี้ อย่างอันนี้เป็นน้ำตาลปั้นเป็นการ์ตูนต่างๆ แล้วเสียบไม้




แต่เด็กนักเรียนแถวนี้ ก็ยังแวะมาเข้าคิวซื้อขนมที่ตรอกนี้กันเยอะมากกกกก




เดินไปก็เจอขนมหน้าตาแปลกๆ




เค้าจะปั้นเป็นเส้นยาวๆ เวลาเคี้ยวมันจะเหนียวๆ ตอนแรกมันจะไม่หวาน พอเคี้ยวไปเรื่อยๆมันจะหวาน




พี่ฉิมได้ยินเด็กบอกว่า โออิชี่ ก็เลยต้องซื้อ ดูพี่แกจะถูกใจมาก




มีคนแต่งชุดกิโมโนมาเดินด้วยยยย ที่นี่ก็เช่าชุดกิโมโนมาเดินเล่น ถ่ายรูปให้เข้ากะบรรยากาศได้




ขนมนี่ เป็นขนมแท่งยาวมากกกกก แต่เราไม่ได้ซื้อชิมหรอก




อันนี้เป็นแท่งมันหวาน ชุบช็อคโกแลต คนทำดูละเลียดและตั้งใจมาก ดูเค้าทำแล้วรู้สึกเพลินๆ




แต่เบญชอบแบบไม่ชุบช็อคโกแลตมากกว่า เพราะมันจะได้กลิ่นมัน




ขนมมันห่อๆแบบนี้มีให้ซื้อเป็นของฝากเพียบเลย ที่ดีงามคือขนมมันตากแห้ง แบบในคลิปอ่ะ อันนั้นอร่อย




นอกจากขนมมัน ยังมีขนมเด็กอื่นๆอีกด้วยนะนี่




มาเดินเล่นบรรยากาศร้านขนมโบราณแบบนี้มันก็แปลกไปอีกแบบนะ




ได้ชิมของอร่อยๆด้วย มาคาวาโกเอะ อย่าลืมมาแวะตรอกนี้ด้วยหล่ะ




เดินมาจะออกจากซอยละ ไปเจอกับร้านขายมันม่วงแบบ Raw คือลุงแกน่าจะเอามันมาย่างเพียวๆแล้วขายเลย




มีหรือที่เราจะพลาด สรุปก็สั่งมากิน 1 หัว แค่ 100 เยนเอง อร่อยมากกกกก มันออกแนวมันแห้งหน่อยแต่ก็มีความหวานมันและหอมการเผา




จากนั้น พวกเราก็เดินจากคาชิยะโยโกโช ไปทะลุตรงย่านบ้านเรือนเก่า




มาถึงแล้ว เอกลักษณ์ของบ้านเรือนที่นี่ คือ แทนที่จะทำจากไม้ ผนังจะทำจากดินเแล้วทาทับด้วยสีดำ เพราะเค้าเอาไว้เป็นยุ้งฉางเก็บข้าว เพราะคาวาโกเอะสมัยก่อนเป็นเมืองสำคัญในการค้าขายข้าว เลยต้องมียุ้งฉางที่ปลอดภัยจากพวกหัวขโมย หรือไฟไหม้ได้




แต่ตอนนี้เค้าปรับเป็นร้านค้ากันไปหมดแล้ว ทั้งขายของที่ระลึกและขายขนม ขายอาหาร




เรามาสะดุดที่ร้านชาเขียวร้านนี้ ชื่อร้าน Sawawa
MAP : https://goo.gl/maps/CMg7Rb4S1Fy




ร้านนี้บอกเลยว่าเหมาะกะผู้รักชาเขียวเป็นอย่างมาก เพราะไอติมชาเขียวเค้าอร่อยจริงๆ




คือพวกเรากินกันคนละ 2 โคน มันจะออกขมๆชา และไม่ค่อยหวาน กินได้เรื่อยๆ นี่คือซื้อไปรอบนึงแล้วย้อนกลับมาเบิ้ลกันอีกด้วย




นอกจากไอติมก็มีขนมแป้งชุบผงชาเขียว




ซื้อมาชิมถ้วยนึงก็อร่อยดี แต่ชอบไอติมชาเขียวมากกว่า




ส่วนอาหารกลางวันของเรา คือร้านโซบะชาเขียวร้านนี้ 茶そば寿庵 蔵のまち店
MAP : https://goo.gl/maps/AfDUEUn74sG2




ร้านนี้ค่อนข้างดัง ต้องลงชื่อเพื่อเข้าคิวกันเลยทีเดียว




ในที่สุดก็ได้เข้ามาซะที บรรยากาศในร้านนั่งสบายดีนะ ชอบๆ




รอสักแป๊บก็มาเสิร์ฟ มันหน้าตาดีมากกก เส้นเขียวๆ น่ากิน




เส้นออกแนวเหนียวนุ่มมมมม




พี่ฉิมนี่ถึงกะกินไม่พูดไม่จา




พี่เก้าบอกเลิกถ่ายๆ ได้เวลากินแล้วววว




สรุปว่าเป็นร้านที่เราอยากให้ผู้รักโซบะได้ลองชิมดูนะ นับว่าคุ้มที่จะต่อคิว




ออกมาละ พี่ฉิมยอมทาลิปมันซะที หลังจากที่ปากแห้งมาครึ่งทริป




เดินผ่านหอระฆังตรงนี้ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อย นี่คือ หอระฆัง Toki no Kane
เป็นหอระฆังโบราณสร้างปี คศ. 1624 เกือบ 400 ปีแล้ว สร้างจากไม้ทั้งหมด สูง 16 ม. ใช้ตีบอกเวลา
ถือเป็นสัญลักษณ์และ landmark สำคัญของเมืองคาวาโงเอะ ตอนนี้ก็ยังใช้ตีบอกเวลาเหมือนเมื่อ 400 ปีที่แล้ว โดยตีวันละ 4 เวลา คือ 6.00, 12.00, 15.00 และ 18.00




เราเดินเล่นกันจนเย็นเลย ก็ช้อปปิ้งกันได้ของติดไม้ติดมือกันไปคนละนิดหน่อยเป็นที่ระลึก พอเริ่มพระอาทิตย์ตก บรรยากาศเมืองก็เปลี่ยนไปอีกแบบ ร้านเริ่มเปิดไฟทั้ง 2 ข้างทาง ก็ดูสวยดีนะ




พวกเราลงความเห็นกันว่าขอเดินจากถนนเส้นนี้ไปถึงสถานีคาวาโกเอะกันเลย เพราะไม่อยากไปแออัดในรถเมล์ เดินก็จะได้ชมร้านค้า นั่นนี่นู่นไปเรื่อยๆ




ระหว่างทางก็มีรถตู้ขับผ่าน มันช่าง.... สมกะเป็นรถในญี่ปุ่นจริงๆ มีความครีเอทีฟ




วันนี้ก็ปิด Day 6 กันที่ภาพประติมากรรมฮิปโปหน้าห้องน้ำนี่หล่ะ ไว้ติดตามกันต่อ Day 7 น๊าาา