สินค้าที่เลือกมีหลายสเปค/สี/ราคา โปรดเลือกจากรายการด้านล่างแล้วคลิกปุ่ม "ใส่ตะกร้าสินค้า"

รีวิวท่องเที่ยว

วิธีขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินในญี่ปุ่น


วันนี้ เรามาดูวิธีการขึ้นรถไฟฟ้าในญี่ปุ่นกันดีกว่า เป็นสถานการณ์ ที่พวกเราใช้งานกันแล้วกันนะคะ ถ้าใครจะไปที่อื่น ก็ apply ใช้วิธีนี้เอานั่นแหละ เหมือนกันค่ะ วิธีที่เราจะบอกต่อไปนี้ เป็น Subway ของ Tokyo Metro

• ดาวน์โหลดแผนที่รถไฟฟ้าได้ที่ Linkด้านล่าง เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษค่ะ
http://www.tokyometro.jp/en/subwaymap/

• ดาวน์โหลดแผนที่รถไฟฟ้าภาษาไทยได้ที่ Linkด้านล่าง พร้อมสถานที่เที่ยวในโตเกียว
http://www.tokyometro.jp/en/tips/guide/pdf/tokyo_metro_guide_th.pdf
วันนี้ เราจะไป วัดเซ็นโซจิ (Sensoji) หรือวัดอาสะกุสะ (Asakusa) กัน สิ่งที่จะต้องดูคือ ปลายทางเรา คือสถานีอะไร ในแผนที่จะโชว์ว่า H14 หรือ H17 หรือ G16 อะไรประมาณนี้ จากตัวอย่าง เราจะไปวัดเซ็นโซจิ หรือวัดอาสะกุสะ เรามาขึ้นรถไฟ สถานีใกล้ที่พักของเราคือ Kodemmacho หรือ สถานี H14
ต่อมาจะต้องรู้ว่า ปลายทางของเราคือ G19 คือ Asakusa
ซึ่ง G19 มันเป็นสถานีที่อยู่บนเส้นสีส้ม แต่ที่เราอยู่ H14 เป็นสถานี ที่อยู่บนเส้นสีเทา ดังนั้น เราต้องทำไงคะ นักเรียน? ถูกต้อง! เราต้องหาสถานี เพื่อเปลี่ยนสี จากสีเทา เป็นสีส้มค่ะ

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราจะต้องเปลี่ยนสถานี ที่ตรงไหน พอเรารู้ว่า ปลายทางเราคือ G19 ก็เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นสีส้ม ให้เราไล่ย้อนกลับมาว่า มันมีสถานีอะไรที่มันมีสถานีสีส้มอยู่กับสีเทาบ้าง จากภาพจะเห็นว่า เราไล่ย้อนจาก G19 ไป G18 ไป G17 ก็มาเจอ G16สีส้ม อยู่กับ H17สีเทา ณ จุดตรงนี้แหละที่เราจะเปลี่่ยนสถานี เราจะเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีส้มที่สถานี อูเอโนะ Ueno
มาถึงเวลากดบัตรรถไฟกันดีกว่า เราจะต้องกดไปสถานีไหน กี่เยนกัน? โดยปกติทั่วไป สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จะมีตารางบอกเราว่า สถานีอะไร กี่เยน จะมีทั้งภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่น อย่างพวกเรา ก็ต้องดูภาษาอังกฤษ (ถึงแม้จะหน้าญี่ปุ่นก็ตามที ฮี่ๆๆ) เราก็ไล่หาในตารางเอาว่า Asakusa อยู่ตรงไหน ที่ตารางที่บอกนี้

เค้าจะเรียงลำดับตัวอักษร A-Z ให้ Asakusa ก็ควรจะง่ายว่ามะ ตัวแรกเลยนี่ แต่ความยากอยู่ที่ บางสถานี ไม่มีภาษาอังกฤษค่ะ อย่างสถานการณ์เราตอนนี้เลย ไม่มีภาษาอังกฤษ ทำไงดี?? เราต้องใช้วิธี เทียบตัวอักษรญี่ปุ่นเอาค่ะ แผนที่รถไฟฟ้า มันจะมีทั้ง 2 หน้าคือ หน้านึงเป็นภาษาญี่ปุ่น อีกหน้าเป็นภาษาอังกฤษ เราก็พลิกหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเลย แล้วเราก็หาเลขสถานี G19 หรือ A18 ว่าตัวญี่ปุ่นมันหน้าตายังไง
แล้วก็เอาไปเทียบกับแผนที่ใหญ่ๆ ที่สถานี เราก็จะรู้ว่า มันราคาเท่าไร ต้องหยอดเงินกี่เยน อย่างตามภาพนี้ เราต้องหยอดเงิน 160 เยน (สำหรับ 1 คน)
มากดที่ตู้กัน กดเปลี่ยนภาษากันก่อน เป็นอังกฤษ
เลือกว่า เราจะทำการซื้อตั๋ว ให้เรากดปุ่ม Ticket
เลือกราคา 160 เยน
แล้วก็หยอดเหรียญเลยจ้า จะสังเกตเห็นว่า รูมันใหญ่นะ ไม่ได้เป็นช่องพอดีเหรียญเป๊ะเว่อร์แบบหยอดทีละเหรียญ เราสามารถกรู เทเหรียญลงไปได้ทีละเยอะๆ ถ้ามันเกิน เครื่องก็จะทอนคืนส่วนเกินออกมาค่ะ สะดวกมากขอบอก คิดดู ช่วงเวลาเร่งด่วน มานั่งหยอดทีละเหรียญๆ คงไปทำงานไม่ทัน
จะได้ตั๋วหน้าตาแบบนี้ออกมา
และคายเงินทอนออกมา
นี่ ได้ตั๋วมาแล้วววววว ไม่ยากอย่างที่คิดนะ
แต่จะให้มานั่งกดตู้ซื้อตั๋วทุกครั้ง มันก็เสียเวลาเที่ยวเหมือนกันนะ พวกเราแนะนำ ให้ซื้อ IC Card ใช้ดีกว่า

IC Card คืออะไร? เป็นบัตรเติมเงินสำหรับใช้ทั้งการขึ้นรถไฟ รถเมล์ แท็กซี่ ซื้อของร้านสะดวกซื้อ หรือซื้อของจากตู้กดต่างๆ มีบัตรนี้บัตรเดียวก็ใช้แทนเงินสดได้เลย พอตังหมดก็เติมเอา

ข้อดีคือ จ่ายเงินสะดวกรวดเร็ว หมดปัญหาปวดหัวเรื่องการหยิบและนับเงินสด หรือเรื่องการนับเงินทอน อย่างเวลาจะขึ้นรถไฟใต้ดินก็ไม่ต้องมานั่งกดตู้แบบนี้ เราเอาบัตรแตะตรงที่มีคำว่า IC ตรงทางเข้า แล้วไปขึ้นรถไฟได้เลย สะดวกมากๆ
ซื้อบัตรนี้ได้ที่ตู้ขายตั๋วในสถานีรถไฟ ราคาบัตรแล้วแต่บัตร ขั้นเริ่มต้นไม่เท่ากัน ใช้ได้นาน 10 ปี เมื่อสมัยก่อนเขาจะแบ่งแยกบัตรตามภูมิภาค ไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องใช้บัตรของภาคนั้นๆ แต่ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2013 เป็นต้นไป เขาปรับระบบให้ใช้บัตร IC Card ได้ทั่วประเทศ อย่างเมื่อก่อนนี้บัตร Pasmo ใช้ได้เฉพาะที่โตเกียว เดี๋ยวนี้ก็ใช้ได้ทั่วประเทศแล้วเลยยิ่งทำให้เที่ยวได้สะดวกมากขึ้น เข้าไปอ่านเงื่อนไขการซื้อบัตรได้ที่ Link ด้านล่างเลย

1. Suica(JR East)
http://www.jreast.co.jp/e/pass/suica.html

2. PASMO (PASMO council)
http://www.pasmo.co.jp/en/#num1
http://www.pasmo.co.jp/en/pdf/Pasmo_ZenkokuOK_E.pdf

3. ICOCA (JR West)
http://www.westjr.co.jp/global/en/travel-information/pass/icoca-haruka/pdf/ICOCA_en.pdf

4. PiTaPa (KANSAI THRU PASS) (Japanese Only)
http://www.pitapa.com/area/other.html

5. TOICA (JR Central) (Japanese Only)
http://toica.jr-central.co.jp/area/index.html

6. manaca (Transportation Bureau of the City of Nagoya) (Japanese Only)
http://manaca.meitetsu.co.jp/transportation/zenkoku.html

7. Kitaca (JR Hokkaido)
http://www2.jrhokkaido.co.jp/global/english/kitaca/index.html

8. SUGOCA (JR Kyushu) (Japanese Only)
http://www.jrkyushu.co.jp/sugoca/each/index.html

9. nimoca (Nishitetsu, others) (Japanese Only)
http://www.nimoca.jp/home/area/index.html#area

10. Hayakaken (Fukuoka City Subway)
http://subway.city.fukuoka.lg.jp/eng/fare/index.html#d
งั้นเราก็ไปขึ้นรถไฟกันได้แล้ว เย่ๆ
วันนี้เราออกเช้าสักหน่อย เลยได้มีโอกาสพบกับชาวออฟฟิศญี่ปุ่น เค้าเดินกันเร็วจริงๆ
อย่าเดินเพลิน มาดูกันก่อนว่า เราต้องไปขึ้นรถไฟตรงไหน ให้มันถูกต้อง ถูกทิศ ถูกทาง มาคิดก่อนเลยว่า เอ๊ะ เมื่อกี้ เราต้องไปเปลี่ยนสถานีที่ H17 นี่นา (H17 คือ Ueno อูเอโนะ จำได้นะ เราวิ่งมาจากที่พักของเราคือ H14 Kodemmacho) ดังนั้นปลายทางที่ 1 ของเราคือ H17 เราก็ต้องดูป้ายเอา ว่า เลขทางออกของเรา ต้องขึ้นรถตรงไหน อย่างตัวอย่าง H15-H21 มาทางนี้นะ
ต่อมา เราจะต้องเปลี่ยนสายที่สถานีนี้ เปลี่ยนเป็น Ginza Line สายสีส้ม ปลายทางที่ 2 หรือปลายทางสุดท้ายของเราคือ G19 พอเรามาถึง H17 แล้ว มันจะมีป้ายบอกเราว่า ใครจะไป Ginza line สายสีส้ม มาทางนี้จ้า
มาถึงทางเสียบบัตรกันแล้ว ตรงนี้มีข้อสังเกต (ให้สังเกต เพราะเราก็มโน เอาเอง แต่ก็คิดว่าถูกต้องนะ) ช่องสำหรับเปลี่ยนสาย กับช่องสำหรับออกจากสถานี สีจะไม่เหมือนกัน ช่องเปลี่ยนสาย เราจะได้รับตั๋วคืนกลับมา แต่ช่องออกจากสถานีเครื่องจะไม่คืนตั๋วแล้ว
เห็นกันจะๆ สีส้มแบบนี้เนี้ย
จุดสังเกตอีกจุดคือว่า เราน่าจะเข้าใจถูกคือ ที่ป้ายบอกทาง ถ้าสาย Ginza วงกลมเป็นสีส้ม ถ้าสายอื่น อย่าง Hibiya จะเป็นสีเทา (ใช้ชีวิตในญี่ปุ่น ช่างสังเกตซักนิดก็จะดีค่ะ เพราะเค้าจะมีอะไรๆ บอกเราในรายละเอียดอยู่เยอะแยะเลยล่ะ)
เราแค่จำว่า เราจะไป G19 นะ แล้วก็มองป้ายไปเรื่อยๆ ก็จะเจอค่ะ
อีกอย่างหนึ่งคือ เวลาที่จะไปขึ้นรถไฟ บางครั้ง อาจจะใช้สถานี ผิดฝั่งได้ (นึกภาพว่า ในสถานี มันจะมีรถไฟวิ่งไป และวิ่งกลับสวนกัน)
ถ้าสถานีใหญ่ๆ อย่าง Kodemmacho ถ้าเรารู้ตัวว่า ขึ้นผิดฝั่งซะแล้ว เรายังสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่ง ไปยังจุดที่ถูกต้องได้ โดยไม่ต้องออกจากสถานี คือไม่ต้องติ๊ดตั๋วออกมานอกถนน แต่ถ้าเกิดผิดพลาดจริงๆ ขึ้นผิดฝั่ง และมิหนำซ้ำ สถานียังเล็ก ไม่ได้มีที่สำหรับเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ แก้ตัวอย่างเดียวคือ ต้องออกมาข้างนอก และข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง แต่เราดันซื้อตั๋วแล้วทำไง
ไม่ต้องตกใจค่ะ ญี่ปุ่นเค้าใจดี กับนักท่องเที่ยวเสมอ เราแก้ปัญหาด้วยการ ไปบอกเจ้าที่หน้ารถไฟฟ้าว่า เราขึ้นผิดฝั่ง อยากจะข้ามไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่ง ทำได้อย่างไร?? เค้าก็ จัดการ เอาตั๋วพวกเราไป Refund เงินคืนให้ ใจดีจริงๆ ^o^
ตอนนี้ เราก็มาถึงสถานี Asakusa อาซากุสะ หรือ G19 หรือ H18 กันแล้ว ทีนี้ เราก็มาดูป้ายกันว่า เราต้องออกทางออกไหน (ตามภาพ) ทางออกวัดอาซากุสะ ที่เราจะไป เราต้องออก Exit1
อย่าลืมนะ วัดอาซากุสะ คือ วัดเซ็นโซจิ หรือ Sensoji Temple มองหาในแผนที่ จะไม่เจอคำว่า Asakusa Temple นะจ๊ะ
แค่นี้เราก็มาถึงจุดหมายได้อย่างไม่หลงแล้วค่ะ เราสามารถจำวิธีนี้ไปใช้กับการเดินทางด้วย subway ในญี่ปุ่นได้เลยนะ
สินค้าแนะนำ
x

ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในตะกร้า