สินค้าที่เลือกมีหลายสเปค/สี/ราคา โปรดเลือกจากรายการด้านล่างแล้วคลิกปุ่ม "ใส่ตะกร้าสินค้า"

Basic การถ่ายภาพ

แฟลชกับการถ่ายพอทเทรตตอนกลางวัน (Flash กับ Portrait กลางแจ้ง)

ถ่ายรูปกลางแจ้ง ตอนกลางวัน ทำไมเราต้องใช้แฟลชกันด้วย?





ก่อนจะไปตอบคำถามนั้น เรามาคุยกันเรื่องประโยชน์ของแฟลชดีกว่าค่ะ

เวลาเราถ่ายรูปพอทเทรต เราต้องการอะไรบ้าง?
เก็บแบบที่แสงพอดี และเก็บฉากหลังที่แสงพอดีถูกปะ

แต่ในชีวิตจริง เรามักจะไม่ค่อยได้อะไรพอดีๆ แบบนั้น บางทีเราก็ได้แสงฉากหลังที่แรงเกินไป
ถ้าเราวัดแสงที่แบบ ฉากหลังก็สว่างเวอร์ ถ้าเราหันไปวัดแสงที่ฉากหลัง แบบก็ดำมืด

เราจึงต้องหาผู้ช่วยที่จะทำให้เราได้แสงที่แบบพอดี และได้แสงที่ฉากหลังพอดี เราจึงมาใช้แฟลช



คือบางคนอาจจะคิดว่าแฟลชมันแค่ทำให้แบบสว่างขึ้นอย่างเดียว ก็จะเก็บมันไว้ใช้กับเวลาที่รู้สึกว่าแสงไม่พอ เช่น เวลามืดๆ ซึ่ง มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป



อยากให้เปลียนความคิดกันใหม่ว่า "แฟลชคือตัวช่วยให้ภาพสมบูรณ์มากขึ้น" ถ้าเราใช้มันเป็น และใช้มันได้อย่างพอดีถูกที่ถูกเวลา เพราะถ้าเราใช้มันไม่เป็น และใช้ผิดที่ผิดเวลา มันก็ไม่ต่างอะไรกับไฟฉายที่เอาไว้ส่องสัตว์เวลากลางคืน (นึกถึง night safari)





ดังนั้น วันนี้ concept ของภาพพอทเทรตของเราคือ "Portrait ในสวนสาธารณะ" ซึ่งแน่นอนว่า ต้องเจอแสงแรงๆ และเก็บฉากหลังยากอยู่



ก่อนจะวิ่งแจ้นไปถ่ายรูปเลยเนี่ย เรามาดูเรื่องช่วงเวลาถ่ายรูปกลางแจ้งกันก่อน
ถึงจะจั่วหัวว่าเป็นพอทเทรตตอนกลางวัน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปถ่ายกันตอนเที่ยงเป๊งเลยนะ เวลาที่เหมาะสมกับการถ่ายรูปกลางแจ้งตอนกลางวันคือ

เช้า 6 โมง - 9 โมง
เย็น บ่าย 3 โมง - 6 โมงเย็น (ไม่นับถ่าย twilight portrait นะ)

ถ้าไปช่วงประมาณ 9 โมงกว่าๆ ไป 10 โมง ไปจนถึง บ่าย 2 โมง จะเป็นไง แสงที่ได้จะแรงมาก แข็งมาก แสงอาทิตย์จะส่องตรงๆ จากด้านบนลงบนหัวแบบ แบบจะได้ใต้ตาดำเป็นแพนด้า ตาจะหยี เหนื่อยทั้งแบบทั้งตากล้อง
ถ้าเราไปถูกที่ถูกเวลา ภาพที่เราได้ก็จะสวยงามเหมือนมืออาชีพ ดังนั้นถ้าเลี่ยงช่วงเวลาแสงแข็งๆ ได้ก็เลี่ยงดีกว่าค่ะ



อุปกรณ์ ของเราวันนี้คือ กล้อง Canon 600D + เลนส์ 50 F1.8 + แฟลช Speed lite 430EX



การ setting อุปกรณ์

- ใช้โหมด M ของกล้อง (ใครไม่ถนัดโหมด M ก็ใช้โหมด AV ไปก่อน (nikon โหมด A) แล้วจำค่ารูรับแสง,speed shutter และ ISO เอามากรอกลงโหมด M)
- ตั้งวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ
- ตั้งโหมด M ของแฟลช



ขั้นตอนง่ายๆ 3 ขั้นตอนดังนี้
1. หา Location ที่ดูดี setting ค่าของกล้องให้ได้แสงพอดี โดยยังไม่ต้องเอาแบบเข้ามาในเฟรม
2. ให้แบบเข้ามาในเฟรม โดยไม่ต้องเปลี่ยนค่าแสง พอถ่ายออกมาแล้วก็มาดูว่าแสงขาดหรือไม่ (ถ้าไม่ขาด ก็จบตรงนี้ เก็บของไปกินบุฟเฟ่ต์ได้เลย อิอิ)
3. ถ้าแบบขาดแสง ก็ยิงแฟลชเข้าไปที่แบบ









เริ่มจากการปรับโหมดของแฟลชเป็นโหมด M ก่อน



เราจะเริ่ม set ค่าพลังแฟลชกลางๆ ก่อนที่ 1/4 แล้วลองถ่ายดู
ถ้าแบบมืดไปก็ปรับเพิ่มเป็น 1/2
ถ้าแบบสว่างไปก็ปรับลดเป็น 1/8







ค่อยๆปรับเพิ่ม-ลดไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้พลังแฟลชที่พอดีค่ะ (เหมือนจะใช้เวลานาน แต่ถ้าฝึกคล่องๆ จะใช้เวลาไม่นาน)

นี่คือตามขั้นตอนที่ 1 คือเราหา location ที่ต้องการและปรับค่า รูรับแสง speed shutter และ ISO ตามที่เราต้องการเพื่อให้ได้แสงของ location ที่พอดี



2. ลองเอาแบบมาวางโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนค่าแสง แล้วดูว่ามีส่วนไหนที่ขาดแสงบ้าง อย่างภาพตัวอย่าง เราขาดแสงทางด้านซีกขวา จะสังเกตว่าหน้าซีกขวาค่อนข้างมืดไปหน่อย



เราเลยบอวเติมพลังแฟลชที่ 1/4 ก่อน ซึ่ง สว่างจ้าจนเกินไป (จหม่งจมูกหายหมด นี่ผีชัดๆ ><)



ลองลดพลังดู เป็น 1/16 ก็ยังจ้าเกินไป แต่ก็ได้ใบหน้ากลับมาบ้างแล้ว



ลดลงเหลือ 1/32 ก็ดูดีขึ้นแต่ก็จ้าเกินไปหน่อย ได้หน้ามาครบ แต่ดอกไม้สีมันซีดไปมะ



ลดเหลือ 1/64 ดูสว่างกำลังดี (จริงๆจ้าไปนิด แต่มันลดลงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว)



ลองเอาภาพที่คิดว่าแสงพอดีมา Process ดู โดยการปรับ White Balance เป็นแบบ Flash และปรับ Curves นิดหน่อยค่ะ



มาเปรียบเทียบว่า ใช้แฟลช กับไม่ใช้แฟลช และ ใช้แฟลชแล้วเอามา Process ต่อ



คำถามต่อไป พลังแฟลชอย่างไรเรียกว่า "พอดี"?

คำตอบคือ เมื่อถ่ายออกมา ดูภาพรวมแล้ว แบบดูกลมกลืนไปกับฉากหลัง ไม่ดูเด่นเด้งแปลกๆ



และการใช้แฟลชกลางแจ้ง คุณอาจจะประสบปัญหาอีกอย่างคือ
คุณอาจจะ design ภาพด้วยรูรับแสงกว้างๆ เพื่อให้ฉากหลังละลายถูกไหม?

แน่นอนว่าถ้าเปิดรูรับแสงกว้างๆ ถ่ายกลางแจ้งแบบนั้นหนะ speed shutter ที่ได้มันต้องมากกว่า 1/200 แน่นอน

แต่ถ้าคุณเสียบแฟลชเข้าไปที่กล้องแล้ว กล้องมันจะไม่ให้คุณใช้ speed shutter เกินกว่า 1/200 ใน canonค่ะ (ส่วนของ nikon เหมือนจะได้ 1/250, 350 ถ้าจำไม่ผิด อันนี้แล้วแต่รุ่น)
แล้วทำไง?? อยากได้รูรับแสงกว้างๆ เบลอหลังกระจัดกระจาย แต่ก็ต้องได้ speed shutter เร็วๆ เพื่อให้ได้แสงที่พอดี



ทางแก้คือใช้ฟังค์ชั่นของแฟลช High Speed Sync



ก็กดตัว ฟ้าผ่าH ที่ Flash เลย แค่นี้ก็สามารถปรับ speed shutter ได้เร็วกว่า 1/200 แล้ว
** คำเตือน ใช้ High Speed Sync เท่าที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ เพราะมันทำให้ความแรงของแฟลชลดลงกว่าปกติและแบ็ตจะหมดไวมาก



สรุปเราทำอะไรลงไปบ้าง



ทำไมเราถึงใช้แฟลชโหมด M แฟลชนี่มันไม่มีโหมด Auto เหรอ?

แน่นอน มันมีโหมด Auto ที่ทำให้เราไม่ต้องมานั่งปรับพลังแฟลชเอง นั่นก็คือ E-TTL ใน Canon หรือ iTTL ใน Nikon

แล้ว E-TTL มันคืออะไร?
มันคือโหมด Auto ที่กำหนดพลังความแรงของแฟลชด้วยการวัดแสงผ่านเลนส์



ข้อดีคือ เราทำงานได้เร็ว เวลารีบๆ ไม่ต้องมานั่งทดสอบตั้งค่าพลังแฟลชเอง
ข้อเสียคือ บางทีมันก็ให้พลังแฟลชมาแต่ละครั้งไม่เท่ากัน คือ location เดียวกัน มุมเดียวกันเนี่ยแหละ มันให้พลังแสงออกมาไม่เท่ากัน



โหมด M คืออะไร ก็คือ Manual นั่นแหละ คือเรากำหนดความแรงของแฟลชเอง ถ้าเราอยากให้แรง เราก็กด + ถ้าอยากให้เบา เราก็กด -
ข้อเสียคือ ช้ากว่า E-TTL กว่าจะได้ความแรงของแฟลชที่พอดี
ข้อดีคือ กำหนดเองได้และได้ความแรงของแฟลชคงที่ทุกครั้ง



บางคนอาจจะถามว่า พี่ครับ โหมด E-TTL มันก็ปรับเพิ่มความแรงของแฟลชและลดความแรงของแฟลชได้ไม่ใช่เหรอครับ
ตอบว่า ใช่ค่ะ

มันสามารถปรับค่าอย่างทื่ว่าได้แน่นอน เค้าเรียกว่า "ชดเชยแสงแฟลช" แล้วมันทำงานยังไง มันก็เหมือนเราถ่ายภาพด้วยโหมด AV นั่นแหละค่ะ คือพอวัดแสงออกมาแล้วได้ค่าเท่าไร ให้บวกหรือลบเพิ่มเข้าไปกี่ stop ตามที่เรากำหนด

ทีนี้เวลาเรากดเพิ่มพลังแฟลชหนะ มันเพิ่มพลังให้จากค่าอะไรหละ ที่บอกว่าเพิ่มไปอีก 1 stop อะ ลองดู Scnario นี้ก่อน
1. ถ่ายครั้งแรก กล้องวัดพลังแฟลชให้ = -1 หน่วย
2. เราดูแล้วแบบมืดไป เราต้องการพลังของแฟลชที่พอดีที่ 0 หน่วย เราเลยคิดว่าต้องเพิ่มเข้าไปอีก 1 หน่วย ก็น่าจะเป็น -1 + 1 คือคือ 0 หน่วยอย่างที่เราต้องการ
3. พอถ่ายครั้งที่ 2 มันกลับวัดพลังแฟลชให้เราพอดีที่ 0 หน่วย พอเราถ่ายออกมาปั๊บ มันได้แสงสว่างโอเวอร์เกินไปกว่าที่เราคิด เพราะอะไร เพราะ มันวัดพลังแฟลชให้เราที่ 0 หน่วยในครั้งที่ 2 แล้วเรากด + ไปแล้วอีก 1 หน่วย มันเลยเท่ากับ 0+1 ก็เลยเท่ากับ +1 หน่วย แสงเลยสว่างโอเวอร์ไปเลย











ส่วนตัวเราเลยคิดว่า ถ้ามีเวลาปั้นแสง ไม่รีบร้อนมาก ก็ใช้โหมด M ไปดีกว่า แต่ถ้าต้องเร่งด่วน ก็จัด E-TTL ไปค่ะ

และ tip สุดท้าย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแฟลช แต่เราสังเกตเห็นว่า เวลามือใหม่ถ่ายพอทเทรต จะให้ความสำคัญกับแบบมากๆ จนลืมดูฉากหลัง
คือเราคิดว่า ฉากหลัง สำคัญไม่แพ้แบบเลยค่ะ ภาพพอทเทรตจะออกมาดีหรือป่าวเนี่ย บางทีมันวัดกันที่ฉากหลังเลย ก็อยากให้มือใหม่ถ่ายพอทเทรดทุกคน ดูฉากหลังก่อนเป็นหลัก

หาฉากหลังที่เข้ากับ concept ของภาพ อย่าให้อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับ concept ของภาพติดเข้ามา
เช่น วาง concept ของภาพว่าเป็นสวนสาธารณะร่มรื่น เต็มไปด้วยแมกไม้ แต่ถ่ายติดรถ ติดมอเตอร์ไซต์มา ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับ concept ร่มรื่น เต็มไปด้วยแมกไม้ แบบนี้ก็ทำให้อารมณ์ของภาพมันหายไปเยอะเลยหละ



ดังนั้น เราอยากให้ดูภาพรวม ใส่ใจรายละเอียดอย่างอื่นด้วย อย่าดูแต่ตัวแบบอย่างเดียวนะคะ




สินค้าแนะนำ
x

ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในตะกร้า